ผู้บริหารบริษัทดอนเมืองโทลล์เวย์ ยอมรับจำเป็นต้องปรับค่าผ่านทางจากราคาที่ให้ส่วนลด 20 บาท ตลอดสาย ไปเป็น 30-43 บาท ตามระยะ ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป หลังการเจรจาระหว่างบริษัทกับภาครัฐไม่สามารถหาข้อยุติได้
นายสมบัติ พานิชชีวะ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัททางยกระดับดอนเมืองฯ กล่าวหลังเข้าพบนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารกรมทางหลวง เพื่อหาข้อยุติในการเจรจาซื้อคืนสัมปทานทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ว่า หลังจากที่การเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่ได้ข้อยุติ ทั้งเรื่องราคาหุ้นที่กระทรวงการคลัง ตีราคาหุ้นของบริษัทตามมูลค่าทางบัญชีไม่ถึง 3 บาท ขณะที่บริษัทเสนอราคาขายหุ้นละ 20 บาท รวมถึงการเจรจาขอขยายอายุสัมปทานอีก 17 ปี โดยในการหารือวันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เสนอให้บริษัทกลับไปทบทวนข้อเสนออีกครั้ง ก่อนที่จะนำกลับมาเสนอให้ภาครัฐพิจารณาอีกครั้ง ดังนั้น เมื่อการเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ บริษัทจำเป็นต้องปรับราคาค่าผ่านทาง โดยคิดตามระยะทางตั้งแต่ดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน 30-43 บาท หลังจากที่ได้ให้ส่วนลดค่าผ่านทาง 20 บาท ตลอดสาย มาตั้งแต่ปลายปี 2547 โดยจะเริ่มเก็บค่าผ่านทางตามระยะทางตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ แม้จะกลับไปจัดเก็บค่าผ่านทางในอัตราเดิม แต่บริษัทก็จะเร่งกลับไปทำข้อเสนอมาให้ภาครัฐโดยเร็วที่สุด โดยจุดยืนของบริษัทคือ ต้องการขอปรับขึ้นค่าผ่านทางบ้าง และขอขยายเวลาสัมปทานเพื่อชดเชยความเสียหายที่ได้รับ หลังจากมีการลงทุนก่อสร้างทางด่วนโทลล์เวย์ เมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา แต่ภาครัฐได้ก่อสร้างทางคู่ขนาน (โลคัลโรด) ทำให้บริษัทสูญเสียรายได้จำนวนมาก
ด้านนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า นอกจากการให้บริษัทไปจัดทำข้อเสนอใหม่แล้ว ยังต้องการให้บริษัทหาข้อยุติของผู้มีอำนาจในการเจรจาในการซื้อคืนสัมปทาน โดยที่ผ่านมา มีความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นชาวไทย นำโดยกลุ่มพานิชชีวะ และกลุ่มผู้ถือหุ้นต่างประเทศ โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นชาวไทยยังต้องการหาข้อยุติของปัญหาด้วยการเจรจา ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นต่างประเทศต้องการใช้กฎหมายระหว่างประเทศในการแก้ปัญหา ซึ่งรัฐบาลต้องการให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทหาข้อสรุปให้ได้ ว่าใครจะเป็นผู้มีอำนาจในการเจรจากับภาครัฐ
นายสมบัติ พานิชชีวะ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัททางยกระดับดอนเมืองฯ กล่าวหลังเข้าพบนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารกรมทางหลวง เพื่อหาข้อยุติในการเจรจาซื้อคืนสัมปทานทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ว่า หลังจากที่การเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่ได้ข้อยุติ ทั้งเรื่องราคาหุ้นที่กระทรวงการคลัง ตีราคาหุ้นของบริษัทตามมูลค่าทางบัญชีไม่ถึง 3 บาท ขณะที่บริษัทเสนอราคาขายหุ้นละ 20 บาท รวมถึงการเจรจาขอขยายอายุสัมปทานอีก 17 ปี โดยในการหารือวันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เสนอให้บริษัทกลับไปทบทวนข้อเสนออีกครั้ง ก่อนที่จะนำกลับมาเสนอให้ภาครัฐพิจารณาอีกครั้ง ดังนั้น เมื่อการเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ บริษัทจำเป็นต้องปรับราคาค่าผ่านทาง โดยคิดตามระยะทางตั้งแต่ดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน 30-43 บาท หลังจากที่ได้ให้ส่วนลดค่าผ่านทาง 20 บาท ตลอดสาย มาตั้งแต่ปลายปี 2547 โดยจะเริ่มเก็บค่าผ่านทางตามระยะทางตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ แม้จะกลับไปจัดเก็บค่าผ่านทางในอัตราเดิม แต่บริษัทก็จะเร่งกลับไปทำข้อเสนอมาให้ภาครัฐโดยเร็วที่สุด โดยจุดยืนของบริษัทคือ ต้องการขอปรับขึ้นค่าผ่านทางบ้าง และขอขยายเวลาสัมปทานเพื่อชดเชยความเสียหายที่ได้รับ หลังจากมีการลงทุนก่อสร้างทางด่วนโทลล์เวย์ เมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา แต่ภาครัฐได้ก่อสร้างทางคู่ขนาน (โลคัลโรด) ทำให้บริษัทสูญเสียรายได้จำนวนมาก
ด้านนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า นอกจากการให้บริษัทไปจัดทำข้อเสนอใหม่แล้ว ยังต้องการให้บริษัทหาข้อยุติของผู้มีอำนาจในการเจรจาในการซื้อคืนสัมปทาน โดยที่ผ่านมา มีความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นชาวไทย นำโดยกลุ่มพานิชชีวะ และกลุ่มผู้ถือหุ้นต่างประเทศ โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นชาวไทยยังต้องการหาข้อยุติของปัญหาด้วยการเจรจา ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นต่างประเทศต้องการใช้กฎหมายระหว่างประเทศในการแก้ปัญหา ซึ่งรัฐบาลต้องการให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทหาข้อสรุปให้ได้ ว่าใครจะเป็นผู้มีอำนาจในการเจรจากับภาครัฐ