คณะกรรมาธิการการพาณิชย์ สภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอให้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์สำหรับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2548/2549 หวังป้องกันปัญหาการทุจริต เตรียมเรียกโรงสีข้าวภาคอีสานและซักซ้อมการเปิดรับจำนำข้าวเปลือกฤดูใหม่สัปดาห์นี้
นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการหารือกับคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ สภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอให้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์สำหรับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2548/2549 ซึ่งจะเปิดรับจำนำในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 ถึง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 ซึ่งก่อนหน้านี้โรงสีเห็นชอบเงื่อนไขการวางค้ำประกันรับจำนำข้าวร้อยละ 20 เพิ่มจากปีก่อนร้อยละ 5-10 โดยรับจำนำได้ไม่เกิน 50 เท่าของกำลังการผลิต ที่ปีก่อนไม่เกิน 30 เท่า และยินยอมที่จะรับซื้อข้าวจากที่รับจำนำไว้ร้อยละ 50 โดยให้เก็บเป็นข้าวเปลือกยังไม่ต้องสีเป็นข้าวสารเหมือนที่ผ่านมา โดยจะมีการนำข้อเสนอและหลักเกณฑ์รับจำนำหารือในการประชุมคณะกรรมการการนโยบายข้าว (กนข.) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ที่คาดว่าจะมีการประชุมภายในปลายเดือนตุลาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ จะมีการประชุมสร้างความเข้าใจกับกลุ่มโรงสีข้าวภาคอีสาน และในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ จะมีการซักซ้อมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อขอให้เข้มงวดและป้องกันการทุจริต รวมถึงการตั้งศูนย์ร้องทุกข์ผ่าน ส.ส. องค์การคลังสินค้า (อคส.) กรมการค้าภายในจังหวัด ซึ่งเชื่อว่าปริมาณรับจำนำปีนี้น่าจะไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9 ล้านตันข้าวเปลือก และข้าวที่ได้รับจากการรับจำนำรัฐจะเข้าโครงการแลกเปลี่ยนสินค้า(บาร์เตอร์เทรด) ซึ่งจะทำให้เสถียรภาพราคาข้าวดีขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งการประชุม กนข.ครั้งต่อไปจะมีการเสนอความเห็นชอบในการเปิดจุดรับจำนำข้ามเขตหากมีการร้องขอมา รวมถึงให้ อคส.ไปติดต่อเช่าโกดังหรือไซโลเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดเก็บเอง เพราะง่ายต่อการควบคุมและสามารถเอาผิดตามวินัยหากเจ้าหน้าที่ทุจริต
นายปรีชา กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายข้าว โดยที่ประชุมเห็นชอบให้มีการระบายข้าวหลุดจำนำตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2547/2548 จำนวน 141,417.40 ตัน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานดำเนินการสำหรับการจำหน่ายข้าวที่ยุ้งฉางเก็บข้าวไม่เกิน 1,000 ตัน ซึ่งมีอยู่ใน 21 จังหวัด และมีมติให้ อคส.และ ธ.ก.ส. ประกาศให้รางวัลกับผู้แจ้งเบาะแสถึงพฤติกรรมทุจริตด้วย ส่วนที่มีกระแสข่าวร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ อคส.ในส่วนภูมิภาคเตรียมจัดทำสติกเกอร์เพื่อขายกับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2548/2549 โดยได้สั่งการให้ อคส.ลงไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว หากเป็นความจริง ถือเป็นการทุจริตอย่างร้ายแรง
นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการหารือกับคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ สภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอให้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์สำหรับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2548/2549 ซึ่งจะเปิดรับจำนำในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 ถึง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 ซึ่งก่อนหน้านี้โรงสีเห็นชอบเงื่อนไขการวางค้ำประกันรับจำนำข้าวร้อยละ 20 เพิ่มจากปีก่อนร้อยละ 5-10 โดยรับจำนำได้ไม่เกิน 50 เท่าของกำลังการผลิต ที่ปีก่อนไม่เกิน 30 เท่า และยินยอมที่จะรับซื้อข้าวจากที่รับจำนำไว้ร้อยละ 50 โดยให้เก็บเป็นข้าวเปลือกยังไม่ต้องสีเป็นข้าวสารเหมือนที่ผ่านมา โดยจะมีการนำข้อเสนอและหลักเกณฑ์รับจำนำหารือในการประชุมคณะกรรมการการนโยบายข้าว (กนข.) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ที่คาดว่าจะมีการประชุมภายในปลายเดือนตุลาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ จะมีการประชุมสร้างความเข้าใจกับกลุ่มโรงสีข้าวภาคอีสาน และในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ จะมีการซักซ้อมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อขอให้เข้มงวดและป้องกันการทุจริต รวมถึงการตั้งศูนย์ร้องทุกข์ผ่าน ส.ส. องค์การคลังสินค้า (อคส.) กรมการค้าภายในจังหวัด ซึ่งเชื่อว่าปริมาณรับจำนำปีนี้น่าจะไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9 ล้านตันข้าวเปลือก และข้าวที่ได้รับจากการรับจำนำรัฐจะเข้าโครงการแลกเปลี่ยนสินค้า(บาร์เตอร์เทรด) ซึ่งจะทำให้เสถียรภาพราคาข้าวดีขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งการประชุม กนข.ครั้งต่อไปจะมีการเสนอความเห็นชอบในการเปิดจุดรับจำนำข้ามเขตหากมีการร้องขอมา รวมถึงให้ อคส.ไปติดต่อเช่าโกดังหรือไซโลเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดเก็บเอง เพราะง่ายต่อการควบคุมและสามารถเอาผิดตามวินัยหากเจ้าหน้าที่ทุจริต
นายปรีชา กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายข้าว โดยที่ประชุมเห็นชอบให้มีการระบายข้าวหลุดจำนำตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2547/2548 จำนวน 141,417.40 ตัน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานดำเนินการสำหรับการจำหน่ายข้าวที่ยุ้งฉางเก็บข้าวไม่เกิน 1,000 ตัน ซึ่งมีอยู่ใน 21 จังหวัด และมีมติให้ อคส.และ ธ.ก.ส. ประกาศให้รางวัลกับผู้แจ้งเบาะแสถึงพฤติกรรมทุจริตด้วย ส่วนที่มีกระแสข่าวร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ อคส.ในส่วนภูมิภาคเตรียมจัดทำสติกเกอร์เพื่อขายกับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2548/2549 โดยได้สั่งการให้ อคส.ลงไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว หากเป็นความจริง ถือเป็นการทุจริตอย่างร้ายแรง