xs
xsm
sm
md
lg

ทอยส์"อาร์"อัสปักธงตลาดไทย ผนึกซีพีเอ็น-คาร์ฟูร์ปูพรม10สาขาใน3ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลุ่มลีแอนด์ฟุง ถือลิขสิทธิ์ ทอยส์ “อาร์” อัส ยักษ์ของเล่นเด็กบุกตลาดไทย ผนึกพันธมิตรด้านทำเล ซีพีเอ็นกับคาร์ฟูร์ หวังปูพรมเปิด 10 สาขาภายใน 3 ปี ทุ่มงบไม่ต่ำกว่า 200-300 ล้านบาท คาดรายได้ 1,500 ล้านบาท ลุย 3 รูปแบบ

นายปีเตอร์ แชทส์ ผู้บริหารสูงสุดของ ทอยส์ “อาร์” อัส เอเชีย ในเครือของลีแอนด์ฟุงกรุ๊ป กล่าวว่า ทอยส์ “อาร์” อัส เอเชีย เป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์เปิดร้านค้าปลีกของเล่นเด็ก จากบริษัท ทอยส์ “อาร์” อัส อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นเจ้าของจากอเมริกา โดยรับผิดชอบครอบคลุมตลาดเอเชียทั้งหมด ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้กลุ่มลีแอนด์ฟุงได้เปิดสาขาแรกของร้านทอยส์ “อาร์” อัส ที่สิงคโปร์ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีจำนวนร้านที่อยู่ภายใต้การบริหารของทอยส์ “อาร์” อัส เอเชียสิ้นสุดเดือนกันยายน 2548 ประมาณ 36 สาขา คือ ฮ่องกง 9 สาขา, สิงคโปร์ 6 สาขา, มาเลเซีย 8 สาขา, ไต้หวัน 13 สาขา ซึ่งมีหลายรูปแบบกระจายกันไปคือ แฟลกชิบสโตร์ แซทเทิลไลต์ และคอนวีเนียนสโตร์

โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีสาขาให้ได้มากกว่า 50 สาขาในเอเชียภายในปี 2550 ทั้งนี้เตรียมที่จะขยายธุรกิจเข้าไปยังประเทศฟิลิปินส์ และประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ ล่าสุดได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 5

อย่างไรก็ตาม ร้านทอยส์ “อาร์” อัส ทั่วโลกในปัจจุบันมีจำนวนกว่า 1,500 สาขา กระจายใน 30 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีทั้งการขายแฟรนไชส์และการลงทุนเองของบริษัท ทอยส์ “อาร์” อัส อินเตอร์เนชั่นแนล ส่วนทอยส์ “อาร์” อัส ในเอเชียนั้น มีพื้นที่รวมกันมากกว่า 5 แสนตารางฟุต มีสินค้ามากกว่า 10,000 ชนิด แบ่งเป็นประเภทสินค้า 99 ประเภท และยังมีสินค้ามากกว่า 500 ชนิดในแต่ละประเภท มีพนักงานประจำร้านมากกว่า 800 คน ให้บริการลูกค้ากว่า 10,000 คนทั้ง 35 สาขาใน 4 ประเทศที่เปิดบริการแล้ว

นายมานิตย์ เลิศสาครศิริ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ในนามบริษัท ทอยส์ รีเทลลิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดของเล่นเด็กในไทยถือได้ว่ามีศักยภาพพอสมควร แต่ที่ทอยส์ “อาร์” อัส เพิ่งจะเข้ามาเปิดตลาดทั้งๆที่ได้ลิขสิทธิ์ในเอเชียมานานแล้ว และทำตลาดในประเทศอื่นมานาน เนื่องจากว่าขณะนี้มีความพร้อมแล้วเพราะต้องทำการศึกษาถึงความเหมาะสม และโอกาสทางการตลาดให้เรียบร้อยก่อน

สำหรับแผนการลงทุนในไทยนั้น ภายใน 3 ปีจะเปิดสาขาให้ได้ครบ 10 สาขา กระจายตามหัวเมืองใหญ่ ใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 200-300 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นการเปิดใน 3 รูปแบบประกอบด้วย แฟลกชิบสโตร์ พื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางเมตร คาดว่าจะมีสาขาเดียว รูปแบบแซทเทิลไลท์ ขนาดกลาง พื้นที่ 1,000-2,000 ตารางเมตร และรูปแบบคอนเวีเนียนสโตร์ ขนาดพื้นที่ 600-800 ตารางเมตร ซึ่งจะผนึกกับพันธมิตรทางด้านทำเลสองรายใหญ่คือ บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็นและคาร์ฟูร์ คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 500 ล้านบาทภายในปีหน้า และเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาทในอีก 3 ปีจากนี้

ทั้งนี้บริษัทฯจะเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลซิตี้บางนาในปลายเดือนพฤศจิกายนศกนี้ พื้นที่ 1,978 ตารางเมตร บนชั้น 6 ลงทุนมากกว่า 60 ล้านบาท ส่วนสาขาต่อไป จะเปิดที่คาร์ฟูร์พระรามสี่ ชั้นล่าง พื้นที่ประมาณ 1,124 ตารงเมตร จะเปิดประมาณปลายปี ส่วนสาขาที่สามจะเปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 5 พื้นที่ 2,268 ตารางเมตร จะเป็นรูปแบบแฟลกชิบสโตร์ในไทย จากนั้นจึงจะเริ่มเปิดตามหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัด

สินค้าของเล่นเด็กที่จำหน่ายในร้านนั้นจะมีการแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ 7 โซน เพื่อความสะดวกในการหาซื้อสินค้า โดยมีสินค้ามากกว่า 10,00 เอสเคยู เจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก อายุระหว่างแรกเกิดถึง 15 ปี ซึ่งสินค้าจะมีทั้งจากสินค้าที่ผลิตในไทยของคนไทยเอง สัดส่วนเริ่มต้นประมาณ 15% และจะเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกนั้นเป็นสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ

ในช่วงแรกของการเปิดตัวได้ตั้งงบประมาณการตลาดไว้ถึง 20 ล้านบาท ซึ่งจะชื้อสื่อโฆษณาครบวงจรทั้ง สิ่งพิมพ์ บิลบอร์ด สื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย เป็นต้น รวมทั้งจะมีการโรดโชว์ไปตามสถานศึกษาที่เป็นกลุ่มเป้าหมายนำโดย “เจฟฟรี่” ซึ่งเป็นแมสคอตของทอยส์ “อาร์” อัส ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น