"สุภัค ศิวะรักษ์" หนุนแนวคิดรัฐบาลในการปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน แต่เสนอให้รัฐบาลหามาตรการป้องกันพฤติกรรมการเบี้ยวหนี้และการก่อหนี้เพิ่มของผู้ที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว พร้อมระบุธนาคารทหารไทยไม่มีปัญหาด้านสินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิต เพราะมีการตั้งสำรองและเลือกลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงมาตรการการปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชนของรัฐบาลว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการช่วยเหลือประชาชนมากกว่า แต่ธนาคารยังไม่ทราบรายละเอียดของมาตรการดังกล่าว แต่ก็เห็นด้วยกับมาตรการการปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน และอยากให้รัฐบาลหามาตรการที่จะยับยั้งการก่อหนี้เพิ่มหรือการป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แล้วกลับมาก่อหนี้เพิ่มเติมอีก รวมทั้งควรมีมาตรการที่จะทำให้ไม่เกิดการเบี้ยวหนี้ในกลุ่มผู้บริโภค สำหรับธนาคารพาณิชย์ก็จะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยกู้อยู่แล้ว
นายสุภัค กล่าวว่า ในส่วนของธนาคารทหารไทยจะเข้าร่วมในโครงการนี้หรือไม่ ต้องศึกษารายละเอียดก่อน เนื่องจากปัจจุบันธนาคารทหารไทยมียอดสินเชื่อบัตรเครดิตคงค้างประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งหนี้ส่วนนี้มีการตั้งสำรองไว้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่สินเชื่อเคหะมียอดคงค้างประมาณ 20,000 ล้านบาท และเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ประมาณร้อยละ 10 หรือ 2,000 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อบุคคล ธนาคารทหารไทยไม่มีปัญหาเอ็นพีแอล เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งสามารถหักค่าบริการผ่านบัญชีเงินเดือนได้อยู่แล้ว สำหรับผลประกอบการของธนาคารในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่ดีกว่าไตรมาส 2
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงมาตรการการปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชนของรัฐบาลว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการช่วยเหลือประชาชนมากกว่า แต่ธนาคารยังไม่ทราบรายละเอียดของมาตรการดังกล่าว แต่ก็เห็นด้วยกับมาตรการการปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน และอยากให้รัฐบาลหามาตรการที่จะยับยั้งการก่อหนี้เพิ่มหรือการป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แล้วกลับมาก่อหนี้เพิ่มเติมอีก รวมทั้งควรมีมาตรการที่จะทำให้ไม่เกิดการเบี้ยวหนี้ในกลุ่มผู้บริโภค สำหรับธนาคารพาณิชย์ก็จะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยกู้อยู่แล้ว
นายสุภัค กล่าวว่า ในส่วนของธนาคารทหารไทยจะเข้าร่วมในโครงการนี้หรือไม่ ต้องศึกษารายละเอียดก่อน เนื่องจากปัจจุบันธนาคารทหารไทยมียอดสินเชื่อบัตรเครดิตคงค้างประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งหนี้ส่วนนี้มีการตั้งสำรองไว้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่สินเชื่อเคหะมียอดคงค้างประมาณ 20,000 ล้านบาท และเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ประมาณร้อยละ 10 หรือ 2,000 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อบุคคล ธนาคารทหารไทยไม่มีปัญหาเอ็นพีแอล เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งสามารถหักค่าบริการผ่านบัญชีเงินเดือนได้อยู่แล้ว สำหรับผลประกอบการของธนาคารในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่ดีกว่าไตรมาส 2