นายกุลวัฒน์ วิชัยลักษณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายแฟรนไชส์ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการขยายธุรกิจในลักษณะแฟรนไชส์ของบริษัทจะมุ่งเน้นเฉพาะ 2 แบรนด์ก่อนคือ เดอะพิซซ่า กับไอศกรีมสเวนเซ่นส์ เพื่อวางรากฐานและสร้างความแข็งแกร่ง ก่อนที่จะขยายการขายแฟรนไชส์ในส่วนของแบรนด์อื่นที่มีศักยภาพที่จะขายแฟรนไชส์ได้ตามมา ซึ่งขณะนี้บางแบรนด์ก็มีการเจรจากับทางบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ในต่างประเทศแล้ว
นโยบายการขายแฟรนไชส์ 2 แบรนด์แรกนี้จะมุ่งเน้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศเท่ากัน ในส่วนของตลาดต่างประเทศมีเป้าหมายที่จะมุ่งไปที่ตลาดหลัก 2 ตลาดก่อนคือ ในตะวันออกกลางและในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนที่จีนนั้นบริษัทจะดำเนินธุรกิจเองก่อนในระยะแรก เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่และมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง โดยเป้าหมายการขายแฟรนไชส์ในปีนี้กำหนดไว้ว่าจะต้องมีแฟรนไชส์ 60 สาขา ของทั้งสองแบรนด์รวมกัน และภายในปี 2549 จะต้องมีร้านของแฟรนไชส์ทั้งสิ้น 80 สาขา และในปี 2550 จะมีสาขาแฟรนไชส์รวม 100 สาขามียอดขายจากแฟรนไชส์รวม 1,000 ล้านบาท
ขณะนี้มีร้านแฟรนไชส์เปิดบริการแล้วดังนี้ เดอะพิซซ่า 25 สาขา และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 5 แห่ง ไอศกรีมสเวนเซ่นส์ เปิดแล้ว 22 สาขา อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 8 สาขา ขณะที่เมื่อสิ้นปีที่แล้ว มีสาขาแฟรนไชส์เดอะพิซซ่า 20 สาขา และร้านสเวนเซ่นส์ 12 สาขา หลังจากที่เริ่มขายแฟรนไชส์เมื่อปี 2545
"การลงทุนของแฟรนไชส์นั้น ถ้าเป็นแบรนด์เดอะพิซซ่า 12 ล้านบาท มีค่าแรกเข้า 1.5 ล้านบาท สเวนเซ่นส์ 6 ล้านบาท ค่าแรกเข้า 1.2 ล้านบาท สัญญา 10 ปี นอกนั้นเหมือนกันคือ ค่ารอยัลตี้ฟีกับมาร์เกตติ้งฟี รวมกันกว่า 10% ส่วนใหญ่ผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ในต่างจังหวัดนั้นมักจะซื้อทั้งสองแบรนด์ควบกันไป"
นายกลุวัฒน์ กล่าวถึงตลาดรวมฟาสต์ฟู้ดด้วยว่า ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและอื่นๆอาจจะมีส่วนทำให้อุตสาหกรรมโดยรวมชะลอตัวลงบ้างแต่ไม่มากนัก คาดว่าจะมีอัตราเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ทุกรายต้องรุกหนักมากขึ้น ต้องสร้างโมเมนตัมเพื่อเข้าสู่ปีหน้าได้อย่างมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การลงทุน อื่นๆ ซึ่งในปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจะมีสาขาของทุกแบรนด์รวมกันทั้งหมดมากกว่า 700 สาขา แบ่งเป็นในประเทศ 600 สาขาและต่างประเทศ 100 สาขา ปัจจุบันเดอะพิซซ่ามีส่วนแบ่งตลาด 70% จากตลาดพิซซ่ารวม และสเวนเซ่นส์มีส่วนแบ่ง 75% ของตลาดไอศกรีมพรีเมี่ยม ขณะที่ไมเนอร์มีส่วนแบ่งในตลาดรวมอาหารทั้งหมด 30% ซึ่งใช้งบการตลาดปี 2548 ประมาณ 5% จากยอดขาย โดยรายได้จากอาหารคิดเป็น 56% ของรายได้ทั้งหมดของ ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล
นโยบายการขายแฟรนไชส์ 2 แบรนด์แรกนี้จะมุ่งเน้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศเท่ากัน ในส่วนของตลาดต่างประเทศมีเป้าหมายที่จะมุ่งไปที่ตลาดหลัก 2 ตลาดก่อนคือ ในตะวันออกกลางและในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนที่จีนนั้นบริษัทจะดำเนินธุรกิจเองก่อนในระยะแรก เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่และมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง โดยเป้าหมายการขายแฟรนไชส์ในปีนี้กำหนดไว้ว่าจะต้องมีแฟรนไชส์ 60 สาขา ของทั้งสองแบรนด์รวมกัน และภายในปี 2549 จะต้องมีร้านของแฟรนไชส์ทั้งสิ้น 80 สาขา และในปี 2550 จะมีสาขาแฟรนไชส์รวม 100 สาขามียอดขายจากแฟรนไชส์รวม 1,000 ล้านบาท
ขณะนี้มีร้านแฟรนไชส์เปิดบริการแล้วดังนี้ เดอะพิซซ่า 25 สาขา และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 5 แห่ง ไอศกรีมสเวนเซ่นส์ เปิดแล้ว 22 สาขา อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 8 สาขา ขณะที่เมื่อสิ้นปีที่แล้ว มีสาขาแฟรนไชส์เดอะพิซซ่า 20 สาขา และร้านสเวนเซ่นส์ 12 สาขา หลังจากที่เริ่มขายแฟรนไชส์เมื่อปี 2545
"การลงทุนของแฟรนไชส์นั้น ถ้าเป็นแบรนด์เดอะพิซซ่า 12 ล้านบาท มีค่าแรกเข้า 1.5 ล้านบาท สเวนเซ่นส์ 6 ล้านบาท ค่าแรกเข้า 1.2 ล้านบาท สัญญา 10 ปี นอกนั้นเหมือนกันคือ ค่ารอยัลตี้ฟีกับมาร์เกตติ้งฟี รวมกันกว่า 10% ส่วนใหญ่ผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ในต่างจังหวัดนั้นมักจะซื้อทั้งสองแบรนด์ควบกันไป"
นายกลุวัฒน์ กล่าวถึงตลาดรวมฟาสต์ฟู้ดด้วยว่า ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและอื่นๆอาจจะมีส่วนทำให้อุตสาหกรรมโดยรวมชะลอตัวลงบ้างแต่ไม่มากนัก คาดว่าจะมีอัตราเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ทุกรายต้องรุกหนักมากขึ้น ต้องสร้างโมเมนตัมเพื่อเข้าสู่ปีหน้าได้อย่างมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การลงทุน อื่นๆ ซึ่งในปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจะมีสาขาของทุกแบรนด์รวมกันทั้งหมดมากกว่า 700 สาขา แบ่งเป็นในประเทศ 600 สาขาและต่างประเทศ 100 สาขา ปัจจุบันเดอะพิซซ่ามีส่วนแบ่งตลาด 70% จากตลาดพิซซ่ารวม และสเวนเซ่นส์มีส่วนแบ่ง 75% ของตลาดไอศกรีมพรีเมี่ยม ขณะที่ไมเนอร์มีส่วนแบ่งในตลาดรวมอาหารทั้งหมด 30% ซึ่งใช้งบการตลาดปี 2548 ประมาณ 5% จากยอดขาย โดยรายได้จากอาหารคิดเป็น 56% ของรายได้ทั้งหมดของ ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล