รมว.คมนาคมประกาศให้การรถไฟเปลี่ยนหัวรถจักรดีเซล มาใช้ก๊าซเอ็นจีวี โดยเตรียมดึง ปตท.ลงทุนติดตั้งระบบแลกเปลี่ยนซื้อก๊าซเอ็นจีวี บวกส่วนต่างชดเชยเงินลงทุน ในขณะที่การลงทุนระบบรางนั้น พร้อมเริ่มก่อสร้างทั้ง 7 สายทางในปีหน้า หลังได้ข้อสรุปชัดเจนทั้งเส้นทาง แบบก่อสร้างและเงินลงทุนในรถไฟฟ้า 3 สาย
เช้าวันนี้(6 ต.ค.) นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ตรวจเยี่ยมและโดยสารรถไฟขบวนพิเศษ ที่นำหัวรถจักรที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีมาลากจูงเป็นครั้งแรก พร้อมกับสำรวจเส้นทางก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (รังสิต-มหาชัย) จากสถานีหัวลำโพง ไปสถานีบ้านภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งกล่าวว่า หลังมีผลการทดสอบชัดเจนว่า การใช้ก๊าซเอ็นจีวี สามารถใช้งานกับหัวรถจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถลดการใช้พลังงานในส่วนของทางรถไฟทางราบได้ถึงร้อยละ 50 และร้อยละ 33 สำหรับเส้นทางลาดชัน ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงได้ให้นโยบายกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้เร่งรัดเปลี่ยนหัวรถจักรที่เคยใช้น้ำมันดีเซลทั้งหมดมาใช้ก๊าซเอ็นจีวี โดยช่วงแรกจะขอความช่วยเหลือการลงทุนจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หลังจากนั้นจะมีการเก็บเงินจากการจัดซื้อค่าก๊าซเอ็นจีวีที่ รฟท.จะซื้อจาก ปตท.เช่น หากค่าก๊าซราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ก็จะบวกเพิ่มค่าจัดซื้อไปอีก 1-2 บาท แล้วนำส่วนต่างดังกล่าว ไปชำระค่าเงินลงทุนให้ ปตท.
สำหรับการสำรวจเส้นทางก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง นอกจากการสำรวจเส้นทางจริงแล้ว ยังเป็นไปตามที่กระทรวงคมนาคมต้องการให้ศูนย์กลางสถานีขนส่งสำหรับรถไฟที่วิ่งมาจากทางไกลมาสิ้นสุดที่สถานีเชียงรากน้อย ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายขนาดใหญ่ เพื่อใช้ระบบขนส่งรถไฟฟ้าวิ่งเข้าสู่เมือง ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีในเรื่องการลดใช้พลังงานแล้ว ยังส่งผลดีต่อปัญหามลภาวะ ทั้งเรื่องควันพิษและมลภาวะทางเสียงด้วย
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า ภายในปี 2549 รัฐบาลจะเริ่มก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าทั้ง 7 สายทางให้ได้ โดยจะเริ่มต้นจากเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดง สายสีม่วง สายทาง (บางใหญ่-บางซื่อ) และสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ
สำหรับข้อสรุปสำหรับส่วนต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยในเรื่องของการขนถ่ายผู้โดยสาร จะขยายสถานีปลายทางไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าชานเมืองที่สถานีเชียงรากน้อย เพื่อไม่ให้หัวรถจักรดีเซลเข้ามาทำลายมลพิษในเมือง ทั้งเสียง และควันดำ ในขณะที่เรื่องการขนถ่ายสินค้าจะใช้สถานีที่บ้านภาชีเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟขนส่ง ในเส้นทางสู่ภาคเหนือและอีสาน
ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสีแดง ในเฟสที่ 1 ช่วงมักกะสันถึงรังสิต จะใช้เสาต่อม่อของโฮปเวลล์ แต่ตัดระบบรถไฟชานเมืองและระบบทางด่วน ที่เคยออกแบบให้วางบนฐานรากออก เหลือเพียงระบบรถไฟฟ้า รวมทั้งปรับฐานรองรับรางเป็นแบบตัวยู ซึ่งลักษณะดังกล่าวจะลดวงเงินออกแบบได้ถึง 36,000 ล้านบาท จากงบประมาณเดิม 110,000 ล้านบาท
ในขณะที่รถไฟฟ้าสายสีม่วงยังคงใช้เส้นทางเดิม บางใหญ่-บางซื่อ เพียงแต่ปรับโครงสร้างออกแบบให้ใช้งบประมาณลดลง โดยจะเป็นระบบรถไฟฟ้าหนัก คล้ายรถไฟฟ้าบีทีเอส แต่ลดสิ่งอำนวยความสะดวกสถานี จำนวนสถานี ซึ่งทั้งหมดจะลดงบประมาณลงทุนจากเดิมร้อยละ 65 และลดระยะเวลาก่อสร้างลงร้อยละ 60 โดยรัฐบาลวางกรอบเวลาว่า การเร่งรัดก่อสร้างทางรถไฟ 3 สายแรกนี้ จะลดระยะเวลาก่อสร้างลงจาก 3-4 ปี เหลือ 2 ปีเท่านั้น