"ประชา" มึน รัฐให้ความสำคัญกับรายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยวแต่กลับตัดลดงบปี49 น้อยกว่าปี 48 กว่า 150 ล้านบาท ยาหอม ททท.หากมีกรณีเร่งด่วนพร้อมไฟเขียวของบกลางปีให้ตามความเหมาะสม เตรียมทบทวนกลยุทธ์ในแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ให้ทันกับสถานการณ์รอบด้านที่เปลี่ยนแปลงเร็ว แต่คงเป้าหมายปี 51 ที่ 20 ล้านคนเท่าเดิม ด้านสำนักงานปลัดฯฟิต เดินหน้าเพิ่มบทบาทศูนย์ท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการใน 75 จังหวัดทั่วประเทศ ใช้เป็นศูนย์บัญชาการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและขึ้นทะเบียนมัคคุเทศก์
(วานนี้) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ทำพิธีเปิดที่ทำการกระทรวง และสำนักงานปลัด แห่งใหม่ ที่ถนนราชดำเนินนอก พร้อมทั้งทำบุญในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาครบรอบ 3 ปี โดยนายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประธานในพิธี กล่าวภายหลังการเสร็จสิ้นภาระกิจ ว่า ในปีงบประมาณ 2549 ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) เร่งดำเนินการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเป็นจุดขายให้ได้ภูมิภาคละ 1 แห่ง คือ ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จุดประสงค์เพื่อใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัวอยู่เพียงสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ส่วนงบประมาณที่ใช้ดำเนินการจะแบ่งมาส่วนหนึ่งจากงบประมาณประจำปี 2549 ของสำนักงานปลัดฯที่ได้รับจัดสรรมา 2,993 ล้านบาท แยกเป็นงบด้านท่องเที่ยว แก่สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว 578 ล้านบาท สำนักงานปลัด 329 ล้านบาท งบด้านกีฬา 1,000 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นงบบริหารจัดการ
ในส่วนของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งในปีงบประมาณ 2549 ได้รับจัดสรรงบในวงเงิน 3,890 โดยถูกคณะกรรมาธิการร่วมสภาผู้แทนราษฎรตัดลดไป 199 ล้านบาท ทำให้งบขอททท.ปีนี้น้อยกว่าปีงบประมาณ 2548 ถึง 158 ล้านบาท ซึ่งถึงตรงนี้ก็ยังยืนยันเป้าหมายตัวเลขนักท่องเที่ยวของปี 2549 ตามแผนยุทธศาสตร์เดิมที่กำหนดไว้ที่ 15.12 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 5.33 แสนล้านบาท โดยเปิดโอกาสให้ ททท.ทำงานด้านส่งเสริมการตลาดอย่างเต็มที่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากมีความจำเป็นที่จะใช้เงินเพิ่มเติมก็อาจจะมีการขอเงินจากงบกลางเข้ามาเพิ่มเติมเช่นเดียวกับปีนี้
"กระทรวงการท่องเที่ยว แม้จะเป็นกระทรวงเล็กๆที่เพิ่งเกิดใหม่ แต่ก็มีบทบาทสำคัญกับเศรษฐกิจและการหารายได้เข้าประเทศ จึงแปลกใจว่าทำไมรัฐบาลกลับจัดสรรงบประมาณมาให้น้อย ทั้งที่ต้องการเพิ่มทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้เข้าประเทศ ตรงนี้จึงไม่เข้าใจว่าการทำงานในลักษณะนี้เป็นแนวคิดที่ถูกแล้วหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม หาก ททท.มีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อกระตุ้นตลาด เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ก็พร้อมสนับสนุน และพิจารณาของบกลางให้ตามความเหมาะสม"
อย่างไรก็ตาม จากการที่สถานการณ์รอบตัว และรอบประเทศมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ดังนั้นคงจะต้องมีการทบทวนกลยุทธ์ในแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ของ ททท. เพื่อปรับเปลี่ยนให้ทันกับสถานการณ์ ขณะเดียวกันจะนำวิสัยทัศน์ในมุมมองส่วนตัวไปนำเสนอด้วย ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุป จะนำเข้า ที่ประชุม ครม. ขออนุมัติแปลี่ยนแปลงแก้ไข แต่ยังคงเป้าหมายตัวเลขเดิมคือปี 2551 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน เงินสะพัด มากกว่า 7 แสนล้านบาท ส่วนเป้าหมายสิ้นปีนี้ยังยืนยันที่ 13.38 ล้านคน
**เพิ่มบทบาทศูนย์ท่องเที่ยวกีฬาใน 75 จังหวัด**
ทางด้านนายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2549 มีนโยบายที่จะ เพิ่มบทบาทหน้าที่ ให้กับศูนย์ท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการ ซึ่งปัจจุบันนี้มีสำนักงานอยู่แล้วใน 75 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมอบภาระหน้าที่ให้เป็นศูนย์การทำงานด้านพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ให้มีคุณภาพเป็นมาตรฐาน เทียบชั้นแหล่งท่องเที่ยวระดับสากล เช่น การจัดสร้างห้องสุขา ป้ายบอกทาง ตลอดจน เปิดให้ศูนย์ เป็นที่สำหรับขึ้นทะเบียนมัคคุเทศก์ และ บริษัทนำเที่ยว ของแต่ละจังหวัด เพื่อให้การทำงานสะดวกรวดเร็วขึ้นจากปัจจุบันต้องมาลงทะเบียนที่ กรุงเทพฯเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แผนงานนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระสำนักงาน ททท.ภูมิภาคที่มีไม่ครอบคลุมทุกจังหวัด เพราะนโยบายหลักของรัฐบาลคือต้องการให้การทำงานของทุกหน่วยงานและภาคเอกชน มีการประสานความร่วมมือกันมากขึ้น
(วานนี้) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ทำพิธีเปิดที่ทำการกระทรวง และสำนักงานปลัด แห่งใหม่ ที่ถนนราชดำเนินนอก พร้อมทั้งทำบุญในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาครบรอบ 3 ปี โดยนายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประธานในพิธี กล่าวภายหลังการเสร็จสิ้นภาระกิจ ว่า ในปีงบประมาณ 2549 ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) เร่งดำเนินการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเป็นจุดขายให้ได้ภูมิภาคละ 1 แห่ง คือ ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จุดประสงค์เพื่อใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัวอยู่เพียงสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ส่วนงบประมาณที่ใช้ดำเนินการจะแบ่งมาส่วนหนึ่งจากงบประมาณประจำปี 2549 ของสำนักงานปลัดฯที่ได้รับจัดสรรมา 2,993 ล้านบาท แยกเป็นงบด้านท่องเที่ยว แก่สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว 578 ล้านบาท สำนักงานปลัด 329 ล้านบาท งบด้านกีฬา 1,000 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นงบบริหารจัดการ
ในส่วนของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งในปีงบประมาณ 2549 ได้รับจัดสรรงบในวงเงิน 3,890 โดยถูกคณะกรรมาธิการร่วมสภาผู้แทนราษฎรตัดลดไป 199 ล้านบาท ทำให้งบขอททท.ปีนี้น้อยกว่าปีงบประมาณ 2548 ถึง 158 ล้านบาท ซึ่งถึงตรงนี้ก็ยังยืนยันเป้าหมายตัวเลขนักท่องเที่ยวของปี 2549 ตามแผนยุทธศาสตร์เดิมที่กำหนดไว้ที่ 15.12 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 5.33 แสนล้านบาท โดยเปิดโอกาสให้ ททท.ทำงานด้านส่งเสริมการตลาดอย่างเต็มที่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากมีความจำเป็นที่จะใช้เงินเพิ่มเติมก็อาจจะมีการขอเงินจากงบกลางเข้ามาเพิ่มเติมเช่นเดียวกับปีนี้
"กระทรวงการท่องเที่ยว แม้จะเป็นกระทรวงเล็กๆที่เพิ่งเกิดใหม่ แต่ก็มีบทบาทสำคัญกับเศรษฐกิจและการหารายได้เข้าประเทศ จึงแปลกใจว่าทำไมรัฐบาลกลับจัดสรรงบประมาณมาให้น้อย ทั้งที่ต้องการเพิ่มทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้เข้าประเทศ ตรงนี้จึงไม่เข้าใจว่าการทำงานในลักษณะนี้เป็นแนวคิดที่ถูกแล้วหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม หาก ททท.มีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อกระตุ้นตลาด เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ก็พร้อมสนับสนุน และพิจารณาของบกลางให้ตามความเหมาะสม"
อย่างไรก็ตาม จากการที่สถานการณ์รอบตัว และรอบประเทศมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ดังนั้นคงจะต้องมีการทบทวนกลยุทธ์ในแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ของ ททท. เพื่อปรับเปลี่ยนให้ทันกับสถานการณ์ ขณะเดียวกันจะนำวิสัยทัศน์ในมุมมองส่วนตัวไปนำเสนอด้วย ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุป จะนำเข้า ที่ประชุม ครม. ขออนุมัติแปลี่ยนแปลงแก้ไข แต่ยังคงเป้าหมายตัวเลขเดิมคือปี 2551 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน เงินสะพัด มากกว่า 7 แสนล้านบาท ส่วนเป้าหมายสิ้นปีนี้ยังยืนยันที่ 13.38 ล้านคน
**เพิ่มบทบาทศูนย์ท่องเที่ยวกีฬาใน 75 จังหวัด**
ทางด้านนายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2549 มีนโยบายที่จะ เพิ่มบทบาทหน้าที่ ให้กับศูนย์ท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการ ซึ่งปัจจุบันนี้มีสำนักงานอยู่แล้วใน 75 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมอบภาระหน้าที่ให้เป็นศูนย์การทำงานด้านพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ให้มีคุณภาพเป็นมาตรฐาน เทียบชั้นแหล่งท่องเที่ยวระดับสากล เช่น การจัดสร้างห้องสุขา ป้ายบอกทาง ตลอดจน เปิดให้ศูนย์ เป็นที่สำหรับขึ้นทะเบียนมัคคุเทศก์ และ บริษัทนำเที่ยว ของแต่ละจังหวัด เพื่อให้การทำงานสะดวกรวดเร็วขึ้นจากปัจจุบันต้องมาลงทะเบียนที่ กรุงเทพฯเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แผนงานนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระสำนักงาน ททท.ภูมิภาคที่มีไม่ครอบคลุมทุกจังหวัด เพราะนโยบายหลักของรัฐบาลคือต้องการให้การทำงานของทุกหน่วยงานและภาคเอกชน มีการประสานความร่วมมือกันมากขึ้น