เวิร์คพอยท์พร้อมรับกสช. เผยแผนธุรกิจช่วงโค้งท้ายปี เตรียมขยายธุรกิจสู่ภาพยนตร์เป็นครั้งแรก จับมือสหมงคลฟิล์มร่วมลงทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกออกฉายมี.ค.ปีหน้า ตั้งบริษัทใหม่เจาะตลาดภาพยนตร์โดยเฉพาะและร่วมลงทุนอีก 2 บริษัทรุกธุรกิจโทรทัศน์เต็บสูบ ด้านธุรกิจสิ่งพิมพ์เตรียมออกนิตยสารแนวครีเอทจับกลุ่มวัยรุ่น เดินหน้าปรับเปลี่ยนและเพิ่มผังรายการใหม่ มั่นใจสิ้นปียอดรายได้โต 30%
นายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) เกิดขึ้นเป็นผลดีต่อธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์เพราะจะสร้างความเท่าเทียมกันในการดำเนินธุรกิจ ในส่วนของบริษัทเวิร์คพอยท์ฯมีศักยภาพที่แข็งแรงพอและมีความพร้อมในการทำงานตามนโยบายของกสช.หรือเพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บทของกสช.ที่คาดว่าจะออกได้อีก 6 เดือนข้างหน้านี้ โดยแนวทางการทำงานแบ่งออกเป็น 3 แนวทางคือ การทำงานร่วมกับพันธมิตร ,การทำรายการป้อนสถานี และการตั้งสถานีเอง
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 เดือนของปีนี้ บริษัทฯได้ขยายธุรกิจสู่ภาพยนตร์เป็นครั้งแรก ด้วยการร่วมลงทุนกับค่ายสหมงคลฟิล์มฝ่ายละ 50% จากงบลงทุน 43 ล้านบาท ในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “โหน่ง-เท่ง นักเลงภูเขาทอง” ซึ่งเป็นหนังแนวบู๊ตลกสไตล์แก๊งค์ 3 ช่าที่ออกอากาศในรายการชิงร้อยชิงล้าน จะเริ่มฉายประมาณมีนาคมปี คาดจะมีรายได้ 27 ล้านบาทจาก 3 ช่องทาง ได้แก่ ขายดีวีดี 15 ล้านบาท, ขายลิขสิทธิ์หนัง 10 ล้านบาทและขายลิขสิทธิ์ให้สถานีช่อง 7 จำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งหากคิดเป็นเงินลงทุนจริงจึงเหลือ 16 ล้านบาท ซึ่งหากหนังทำรายได้ถึง 32 ล้านบาทบริษัทฯถึงจะเท่าทุน
“การที่เข้ามาธุรกิจภาพยนตร์และร่วมมือกับทางสหมงคลฟิล์ม เนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยงน้อยและโอกาสกำไรมีมาก จากการที่เวิร์คพอยท์ฯมีทีมงานและบุคลากรที่มีดีมีศักยภาพ โดยจะให้บริษัทหัวฟิล์ม ท้ายฟิล์ม จำกัดเป็นผู้ดำเนินการผลิต ซึ่งในด้านการทำพีอาร์เราก็จะทำผ่านช่วงเวลาของรายการทางโทรทัศน์ของเวิร์คพอยท์ที่มี 17 รายการ ส่วนทางสหมงคลฟิล์มเองก็มีศักยภาพทางธุรกิจภาพยนตร์ที่แข็งและมีอิทธิพลต่อโรงหนัง หรือสายหนัง”
**ตั้งบริษัทใหม่และร่วมทุน 2แห่ง**
นายปัญญา กล่าวด้วยว่า บริษัทฯได้ขยายธุรกิจด้วยการตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท หัวฟิล์ม ท้ายฟิล์ม จำกัด ภายใต้ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้าง, กำกับ ,เขียนบท และผลิตภาพยนตร์เป็นหลัก ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าใน 1 ปีจะผลิตภาพยนตร์จำนวน 2 เรื่อง นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ร่วมลงทุนกับนายเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลาหรือหม่ำ จ๊กม๊กตั้งบริษัทบั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด ภายใต้ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็นเวิร์คพอยท์ 60% และหม่ำ 40% เพื่อผลิตรายการโทรทัศน์และสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ซึ่งรายการแรกที่ทำ ได้แก่ รายการวาไรตี้หม่ำโชว์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ 1 ต.ค. 48 ทางช่อง 5 เวลา 20.15-21.15 น. รวมถึงยังได้ร่วมลงทุนกับกลุ่มผู้บริหารโต๊ะกลมโทรทัศน์ จำกัด เพื่อผลิตสื่อบันเทิงเต็มรูปแบบ
**รุกสิ่งพิมพ์เตรียมออกหัวใหม่จับ-ปรับผังรายการ**
ปีนี้บริษัทฯมีแผนรุกธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์มากขึ้นภายใต้บริษัทเวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง จำกัด โดยเตรียมออกนิตยสารแนวครีเอท เพื่อเจาะกลุ่มวัยรุ่น คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงเดือนธ.ค. นี้ ปัจจุบันบริษัทฯมีสื่อสิ่งพิมพ์ 1 หัว คือ เกมแก้จน
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้มีการปรับผังรายการออกอากาศ เช่น โคกคูณตระกูลไข่และกล่องดำ รวมถึงมีรายการใหม่ทดแทนรายการเดิม เช่น ครัวตัวเอ้แทนรายการเกมแก้จน และซิกส์เซนต์แทนโซฟา อเวย์ รวมปัจจุบันบริษัทฯมีรายการทั้งหมด 17 รายการ ซึ่งการถ่ายทำรายการต่างๆ บริษัทฯได้เช่าสตูดิโอของคนอื่น ดังนั้นบริษัทฯจึงได้ลงทุน 400 ล้านบาทสร้างสตูดิโอเองที่แถวรังสิตคาดว่าเดือนมี.ค.ปีหน้าจะสร้างเสร็จ
สำหรับโครงสร้างบริษัทเวิร์คพอยท์ฯ แบ่งเป็น 1.สายธุรกิจโทรทัศน์ซึ่งเป็นรายได้หลัก คิดเป็นสัดส่วน 90% มี3 บริษัทในเครือ คือ บริษัทคำพอดี จำกัด , บริษัท โต๊ะกลมโทรทัศน์ จำกัด และบริษัทบั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด 2. สายสื่อสิ่งพิมพ์มีบริษัทเวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง จำกัด และสายธุรกิจภาพยนตร์มีบริษัทหัวฟิล์ม ท้ายฟิล์มจำกัด และบริษัท บ้านอิทธิฤทธิ์ จำกัด สำหรับยอดรายได้ปีนี้คาดว่ายอดรายได้จะโตขึ้น 30% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 848 ล้านบาท