เซียนวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชี้ปัจจัยเศรษฐกิจหด-โครงสร้างภาษีพลิกพฤติกรรมคอน้ำเมาเปลี่ยน ผู้ดื่มหน้าใหม่วัยกระเต๊าตบเท้าทดลองกินเบียร์แทนเหล้า 2-3ปีนี้ตลาดเบียร์ขาขึ้นแน่ ค่ายเบียร์หน้าใหม่-เก่าดาหน้าคลอดสินค้าใหม่พร้อมเทงบทำตลาดเต็มสูบ
นายภานุวัธน์ วงศ์ศรีพิสันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเหล้าชีวาส รีกัล,ฮันเดรด ไพเพอร์ส ฯลฯเปิดเผยว่า จากนี้ไปตลาดเบียร์เป็นที่น่าจับตามองว่า จะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงกว่าเมื่อเทียบกับเหล้าและกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่นๆด้วยกัน เนื่องจากเบียร์เป็นตลาดที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ขณะที่ตลาดเหล้าในเซกเมนต์อีโคโนมี่-เหล้าสี,เซกันดารี่ได้รับผลกระทบ ทำให้ต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 40 บาท อีกทั้งเบียร์ยังเป็นตลาดที่สอดคล้องกับกำลังการซื้อของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน เพราะหลังจากที่ราคาน้ำมันปรับขึ้น ส่งผลให้กำลังการซื้อของคนไทยน้อยลง
แนวโน้มตลาดเหล้าเริ่มมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะเดิมทีพฤติกรรมของผู้ดื่มหน้าใหม่ จะทดลองดื่มเหล้าก่อน จากนั้นจึงเริ่มสวิตช์มากินเบียร์ ซึ่งเบียร์จะเป็นเครื่องดื่มที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งไปเท่านั้น แต่หลังจากเกิดปัจจัยต่างๆอาจจะส่งผลให้ผู้ดื่มหน้าใหม่ เริ่มทดลองดื่มเบียร์มาก่อน จากนั้นจะสวิตช์มาสู่เหล้า และเหล้าจะกลายเป็นเครื่องดื่มที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งเบียร์ ซึ่งแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น จะส่งผลให้ตลาดเหล้ามีอัตราการเติบโตน้อยลง โดยคาดว่าปีนี้ตลาดเหล้าโดยรวมโต 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโต 6%
“ในช่วงขาขึ้นของตลาดเบียร์ มีแนวโน้มว่าผู้ประกอบการค่ายเบียร์ จะทุ่มเม็ดเงินจำนวนมากในการทำตลาด โดยเฉพาะสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์อย่างหนักในช่วง 2 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้สภาพตลาดเบียร์โดยรวมมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นและมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาทำตลาด”
นายปัญญา ผ่องธัญญา ผู้จัดการทั่วไป บริษัทไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด (ทีเอพีบี) ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ไฮเนเก้น เปิดเผยว่า แนวโน้มที่กลุ่มผู้ดื่มจะสวิตช์จากการดื่มเหล้ามาสู่เบียร์มีความเป็นไป และมีโอกาสทำให้ตลาดเบียร์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการดื่มเบียร์จากปัจจุบัน 25 ลิตรต่อคนต่อปี เพิ่มเป็น 26-27 ลิตรต่อคนต่อปี โดยปีนี้ตลาดเบียร์รวมมูลค่า 82,000 ล้านบาท หรือ 1,625 ล้านลิตร มีอัตราการเติบโต 1% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาด้านการท่องเที่ยว จากในปีที่ผ่านมาตลาดเบียร์เติบโต 5-6%
“ปีนี้ สภาพตลาดเบียร์เซกเมนต์อีโคโนมี่มูลค่า 65,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น79% ไม่เติบโต เมื่อเทียบกับ3-4ปีที่ผ่านมา ตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนเซกเมนต์สแตนดาร์ดคิดเป็นสัดส่วน 12% ของตลาดรวมมีอัตราการเติบโตมากสุด 3-4% และพรีเมียมสัดส่วน 9% โต 1-2% อย่างไรก็ตามต้องดูสภาพตลาดในช่วงไฮซีซั่นอีกทีว่าจะมีแนวโน้มที่ดีมากน้อยแค่ไหน และจะผลักดันให้ตลาดโดยรวมปีนี้เติบโตขึ้นมากน้อยแค่ไหน”
สำหรับความเคลื่อนไหววงการเบียร์ ล่าสุด บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ได้เปิดตัวเบียร์น้องใหม่เชียร์ลงสู่ตลาด ขณะเดียวกันบริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด เริ่มทำตลาดเบียร์”คลอสเตอร์”เพื่อรับเทศกาลเบียร์การ์เด้นท์ที่กำลังจะมาถึง ด้วยการทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ลงสื่อสิ่งพิมพ์ เพื่อสร้างการจดจำตราสินค้าแก่กลุ่มเป้าหมาย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีค่ายเบียร์จากประเทศจีน ภายใต้แบรนด์”ซิงเตา” ซึ่งเป็นเบียร์ยี่ห้อจากประเทศจีน ที่ประกาศตัวจะเข้ามาทำตลาดในไทยแล้วอย่างเป็นทางการ เพื่อรับกับช่วงขาขึ้นของธุรกิจเบียร์ ซึ่งกำลังเป็นตลาดที่น่าจับตามองในบรรดากลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกัน
นายภานุวัธน์ วงศ์ศรีพิสันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเหล้าชีวาส รีกัล,ฮันเดรด ไพเพอร์ส ฯลฯเปิดเผยว่า จากนี้ไปตลาดเบียร์เป็นที่น่าจับตามองว่า จะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงกว่าเมื่อเทียบกับเหล้าและกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่นๆด้วยกัน เนื่องจากเบียร์เป็นตลาดที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ขณะที่ตลาดเหล้าในเซกเมนต์อีโคโนมี่-เหล้าสี,เซกันดารี่ได้รับผลกระทบ ทำให้ต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 40 บาท อีกทั้งเบียร์ยังเป็นตลาดที่สอดคล้องกับกำลังการซื้อของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน เพราะหลังจากที่ราคาน้ำมันปรับขึ้น ส่งผลให้กำลังการซื้อของคนไทยน้อยลง
แนวโน้มตลาดเหล้าเริ่มมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะเดิมทีพฤติกรรมของผู้ดื่มหน้าใหม่ จะทดลองดื่มเหล้าก่อน จากนั้นจึงเริ่มสวิตช์มากินเบียร์ ซึ่งเบียร์จะเป็นเครื่องดื่มที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งไปเท่านั้น แต่หลังจากเกิดปัจจัยต่างๆอาจจะส่งผลให้ผู้ดื่มหน้าใหม่ เริ่มทดลองดื่มเบียร์มาก่อน จากนั้นจะสวิตช์มาสู่เหล้า และเหล้าจะกลายเป็นเครื่องดื่มที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งเบียร์ ซึ่งแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น จะส่งผลให้ตลาดเหล้ามีอัตราการเติบโตน้อยลง โดยคาดว่าปีนี้ตลาดเหล้าโดยรวมโต 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโต 6%
“ในช่วงขาขึ้นของตลาดเบียร์ มีแนวโน้มว่าผู้ประกอบการค่ายเบียร์ จะทุ่มเม็ดเงินจำนวนมากในการทำตลาด โดยเฉพาะสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์อย่างหนักในช่วง 2 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้สภาพตลาดเบียร์โดยรวมมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นและมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาทำตลาด”
นายปัญญา ผ่องธัญญา ผู้จัดการทั่วไป บริษัทไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด (ทีเอพีบี) ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ไฮเนเก้น เปิดเผยว่า แนวโน้มที่กลุ่มผู้ดื่มจะสวิตช์จากการดื่มเหล้ามาสู่เบียร์มีความเป็นไป และมีโอกาสทำให้ตลาดเบียร์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการดื่มเบียร์จากปัจจุบัน 25 ลิตรต่อคนต่อปี เพิ่มเป็น 26-27 ลิตรต่อคนต่อปี โดยปีนี้ตลาดเบียร์รวมมูลค่า 82,000 ล้านบาท หรือ 1,625 ล้านลิตร มีอัตราการเติบโต 1% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาด้านการท่องเที่ยว จากในปีที่ผ่านมาตลาดเบียร์เติบโต 5-6%
“ปีนี้ สภาพตลาดเบียร์เซกเมนต์อีโคโนมี่มูลค่า 65,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น79% ไม่เติบโต เมื่อเทียบกับ3-4ปีที่ผ่านมา ตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนเซกเมนต์สแตนดาร์ดคิดเป็นสัดส่วน 12% ของตลาดรวมมีอัตราการเติบโตมากสุด 3-4% และพรีเมียมสัดส่วน 9% โต 1-2% อย่างไรก็ตามต้องดูสภาพตลาดในช่วงไฮซีซั่นอีกทีว่าจะมีแนวโน้มที่ดีมากน้อยแค่ไหน และจะผลักดันให้ตลาดโดยรวมปีนี้เติบโตขึ้นมากน้อยแค่ไหน”
สำหรับความเคลื่อนไหววงการเบียร์ ล่าสุด บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ได้เปิดตัวเบียร์น้องใหม่เชียร์ลงสู่ตลาด ขณะเดียวกันบริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด เริ่มทำตลาดเบียร์”คลอสเตอร์”เพื่อรับเทศกาลเบียร์การ์เด้นท์ที่กำลังจะมาถึง ด้วยการทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ลงสื่อสิ่งพิมพ์ เพื่อสร้างการจดจำตราสินค้าแก่กลุ่มเป้าหมาย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีค่ายเบียร์จากประเทศจีน ภายใต้แบรนด์”ซิงเตา” ซึ่งเป็นเบียร์ยี่ห้อจากประเทศจีน ที่ประกาศตัวจะเข้ามาทำตลาดในไทยแล้วอย่างเป็นทางการ เพื่อรับกับช่วงขาขึ้นของธุรกิจเบียร์ ซึ่งกำลังเป็นตลาดที่น่าจับตามองในบรรดากลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกัน