รมว.คมนาคมสั่งคณะอนุกรรมการพิจารณาเส้นทางเดินรถ และออกแบบก่อสร้าง ไปศึกษาการปรับลดรางรถไฟฟ้าสายสีแดงที่มีรางซ้ำซ้อนเพื่อลดวงบเงินลงทุน เพื่อนำมาขยายเส้นทางออกไปยังชานเมือง คาดจะทำให้ประหยัดงบประมาณก่อสร้างเครือข่ายรถไฟฟ้าครบวงจรได้ถึง 200,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมวางหลักเกณฑ์ราคาเวนคืนที่ดินใหม่เพื่อให้เป็นธรรมแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการระบบขนส่งมวลชน ได้เรียกประชุมผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งหาข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถไฟฟ้าทั้ง 7 สายในโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยการประชุมจะมีการรายงานผลการศึกษาความคุ้มค่าลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในแต่ละสาย รวมถึงพิจารณาระบบรถไฟฟ้าที่จะนำมาใช้ในแต่ละเส้นทางตามความเหมาะสม
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการระบบขนส่งมวลชน ว่า ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 4 ชุด โดยชุดที่ 1.ทำหน้าที่พิจารณาสายทางเดินรถ ออกแบบเส้นทางและก่อสร้างโครงการ 2.ทำหน้าที่พิจารณาจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลการเดินรถ 3.ทำหน้าที่ดูแลจัดการทางการเงิน ซึ่งคณะอนุกรรมการทั้ง 3 ชุด จะมีนายมหิดล จันทรางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน
สำหรับคณะอนุกรรมการชุดที่ 4.จะมีหน้าที่ประสานเจรจากับ บริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ บีเอ็มซีแอล กทม. และบริษัทระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ บีทีเอส โดยคณะอนุกรรมการชุดนี้จะมีนายพรชัย นุชสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้คณะอนุกรรมการที่ดูแลด้านการออกแบบ บริหารจัดการระบบขนส่ง และดูแลด้านเงินทุน ไปศึกษาปรับรูปแบบการลงทุน โดยในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ) ให้พิจารณาเลือกเส้นทางที่เหมาะสมระหว่างเส้นทางบางใหญ่-บางเขน ซึ่งจะเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (รังสิต-มหาชัย) ในช่วงบางเขน หรือ เส้นทางรถไฟฟ้า บางใหญ่-เตาปูน ที่เชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางซื่อ) ตรงเตาปูน โดยให้ใช้ระบบรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ หรือ เฮฟวีเรลเช่นเดิม และจะตัดส่วนที่เป็นจุดตัดเส้นทางรถไฟฟ้าตั้งแต่ช่วงเตาปูน-วังบูรพา (สายสีน้ำเงิน) ออก ทั้งนี้คาดว่าการปรับลดเส้นทางดังกล่าวจะทำให้ประหยัดงบประมาณก่อสร้างเครือข่ายรถไฟฟ้าครบวงจรได้ถึง 200,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถนำเงินที่เหลือไปสร้างส่วนต่อขยายเส้นทางในสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-สุวรรณภูมิ) ในช่วงตลิ่งชัน ออกไปยังวงแหวนรอบนอกเชื่อมต่อไปยังจังหวัดนครปฐมได้ด้วย
นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้คณะอนุกรรมการไปศึกษาการปรับลดจำนวนรางรถไฟสายสีแดงเข้มช่วงบางซื่อ-รังสิตที่เดิมมีรางรถไฟถึง 10 คู่และมีความซ้ำซ้อน ให้ลดลงเหลือไม่เกิน 3 คู่ ซึ่งจะช่วยให้วงเงินลงทุนลดลงถึง 5 เท่า ทำให้มีเงินเหลือพอที่จะต่อขยายเส้นทางออกไปยังชานเมือง จนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนสถานีในเส้นทางดังกล่าวให้มากขึ้น เพื่อรองรับการขนส่งผู้โดยสารในเส้นทางดังกล่าว โดยคาดว่าจะสามารถสรุปเส้นทางและลำดับการก่อสร้าง รวมถึงกรอบวงเงินลงทุน ได้ภายใน 2 เดือน ขณะเดียวกันได้สั่งปรับลดการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงโดยให้ไปเจรจากับเอกชนที่รับสัมปทานเดินรถเพื่อใช้ศูนย์ซ่อมร่วมกัน อีกทั้งให้คณะอนุกรรมการฝ่ายการเงินศึกษาการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยรอบโครงการให้พัฒนาได้ในระยะยาว โดยอาจให้กองทุนมาซื้อที่ดินโดยรอบโครงการเพื่อก่อสร้างสวนสาธารณะโรงพยาบาลและโรงเรียน
ทั้งนี้ จะเร่งรัดให้มีการประมูลสายสีแดง สีน้ำเงิน สีม่วงและสีเขียวให้เร็วที่สุดภายในเดือน ก.พ.2549 ซึ่งคณะอนุกรรมการต้องไปศึกษาเรียงลำดับการประมูลอีกครั้งให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้คณะอนุกรรมการทุกชุดรายงานความคืบหน้างานที่ได้มอบหมายดังกล่าวทุก 2 สัปดาห์ด้วย
**ก.คมนาคม วางหลักเกณฑ์ราคาเวนคืนที่ดินใหม่เพื่อให้เป็นธรรม**
สำหรับการเวนคืนที่ดินในโครงการรถไฟฟ้าของรัฐบาลนายพงษศักด์ กล่าวว่า ยังไม่เป็นธรรม แม้ว่าปัจจุบันจะมีความเป็นธรรมมากขึ้นโดยใช้ราคาตลาด อย่างไรก็ตาม กฎหมายได้เปิดช่องให้ผู้ที่ดูแลสามารถจะอนุมัติการจ่ายค่าเวนคืนที่สูงกว่าได้ แต่ผู้ที่ทำเมื่อเวลาผ่านไปก็จะถูกครหาหรือติดคุก ทั้งนี้ มีแนวคิดที่จะให้การเวนคืนมีความใกล้เคียงความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น โดยใช้แนวคิดลักษณะแบบประเทศฝรั่งเศส ที่ประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลเวนคืนที่ดินของตนเอง เพราะเมื่อรัฐบาลเวนคืนจะเป็นโอกาสที่ประชาชนได้ย้ายถิ่นฐานใหม่ และมีเงินเหลือเพียงพอที่จะนำไปประกอบอาชีพได้อีกจำนวนหนึ่งด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคม ขณะนี้มีแนวคิดเพิ่มเติมที่จะให้ผู้ที่เช่าอาศัยบ้านที่ถูกเวนคืนมายาวนานได้รับส่วนแบ่งค่าเวนคืนจากเจ้าของบ้านด้วย ส่วนผู้ที่เช่าที่ดินปลูกบ้านก็ควรได้รับค่าปลูกบ้านใหม่ในราคาที่เป็นมาตรฐานเทียบเท่ากับในอดีต ซึ่งหากวางหลักเกณฑ์เวนคืนที่ดินชัดเจนแล้ว เชื่อว่าต่อไปเมื่อรัฐบาลเวนคืนที่ดินประชาชนที่ถูกเวนคืนทุกคนจะพอใจ และทุกคนจะเรียกร้องให้รัฐบาลเวนคืนที่ดิน
“ผู้ที่ยอมให้เวนคืนและย้ายออกไป ซึ่งปกติมีความผูกพันกับบ้านที่อยู่อาศัยมานาน ควรได้รับการเชิดชู อาจมอบใบประกาศและสิ่งที่ไม่สามารถทดแทนเป็นเงินได้ ซึ่งขณะนี้มีผู้เสนอให้ทำป้ายที่ระบุว่าบุคคลผู้นั้นได้เสียสละที่ดินในการสร้างถนนซึ่งเป็นสาธารณประโยชน์ เป็นต้น” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้กำหนดค่าเวนคืนรถไฟฟ้าสายบางม่วง-บางบัวทอง-นนทบุรี-บางซื่อ ซึ่งมีค่าก่อสร้าง 100,000 ล้านบาท แต่มีค่าเวนคืนเพียง 1,000 ล้านบาท พร้อมกับเตรียมสำหรับการยื่นอุทธรณ์ของประชาชนไว้ 5,000 ล้านบาท และหากประชาชนต่อสู้ในชั้นศาล ประชาชนก็จะได้รับอีก 1,000 ล้านบาท รวมเป็น 6,000 ล้านบาท เนื่องจากส่วนใหญ่ศาลจะตัดสินตามที่รัฐประเมิน ทำให้ความเดือดร้อนตกกับประชาชนทันที ซึ่งยินดีที่จะลงนามแก้ไขราคาเวนคืนที่เป็นธรรมทันที