รมว.อุตสาหกรรมประกาศพร้อมจับมือเจโทร พัฒนาบุคลากรไทยขั้นฝีมือ ช่วยกระตุ้นกลุ่มทุนต่างชาติมาขยายธุรกิจในไทย พร้อมลดข้อเปรียบเทียบค่าจ้างแรงงานจีน-อินเดีย ที่ถูกกว่า วางแผนร่วม สศช.จัดระบบฐานข้อมูลแรงงาน เน้นป้อนอุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการเข้าพบขององค์กรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ว่า กระทรวงฯ มีนโยบายชัดเจนในการร่วมมือพัฒนาอุตสาหกรรมระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการส่งเสริมการลงทุนในโครงการที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ โดยเน้นให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีการใช้วัตถุดิบและชิ้นส่วนภายในประเทศ ซึ่งภายใต้ความร่วมมือจะเป็นในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในภาควิศวกรรมขั้นสูง ซึ่งทางญี่ปุ่นจะส่งบุคลากรเข้ามาถ่ายทอดเทคโนโลยีที่สามารถนำไปยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ภาคเอกชนญี่ปุ่นสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากเห็นว่าไทยมีบุคลากรที่มีความชำนาญในระดับที่สามารถพัฒนาเทคนิคการผลิตไปสู่ขั้นสูงได้ ซึ่งรัฐบาลจะเพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากรให้เป็นแรงงานในระดับวิชาชีพเฉพาะทางที่จะอยู่ในความต้องการของตลาด เนื่องจากเล็งเห็นว่าจะสามารถลดข้อเปรียบเทียบเรื่องค่าจ้างแรงงานที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง เช่น จีน และอินเดีย เป็นต้น” นายสุริยะ กล่าว
ในส่วนของแนวทางความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ 1. การพัฒนาบุคลากรที่มีอยู่ในภาคธุรกิจ โดยจะถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงให้เพื่อเพิ่มทักษะทางวิชาชีพ 2. การพัฒนาบุคลากรใหม่ ซึ่งจะเป็นความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และทบวงมหาวิทยาลัยจัดหลักสูตรการเรียนให้ตรงกับความต้องการในภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงการจัดเตรียมระบบฐานข้อมูลที่สามารถเป็นตัวชี้วัดได้ว่าภาวะอุตสาหกรรมทั้งปัจจุบันและในอนาคตมีความต้องการบุคลากรด้านวิชาชีพเพื่อป้อนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในสัดส่วนเท่าใด
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมขยายผลโครงการความร่วมมือในด้านการสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยจะเป็นลักษณะการจัดส่งผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นโดยตรงมาถ่ายทอดความรู้ ความชำนาญให้กับบุคลากรที่ร่วมโครงการ หลังจากนั้นผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องนำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดต่อให้กับกลุ่มผู้ประกอบการต่อไป
นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมยังได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในข้อเท็จจริงไทยจะมีการผลิตมุ่งเน้นในกลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำและปลายน้ำ แต่ยังขาดในส่วนของกลางน้ำอยู่ ดังนั้น จึงต้องการที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น เข้ามาลงทุนในไทยให้เพิ่มมากขึ้นในการผลิตสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ประเภทกลางน้ำ เพราะนอกเหนือจากการสร้างไทยให้เป็นฐานการผลิต ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการจ้างแรงงานในประเทศเพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่ง
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการเข้าพบขององค์กรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ว่า กระทรวงฯ มีนโยบายชัดเจนในการร่วมมือพัฒนาอุตสาหกรรมระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการส่งเสริมการลงทุนในโครงการที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ โดยเน้นให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีการใช้วัตถุดิบและชิ้นส่วนภายในประเทศ ซึ่งภายใต้ความร่วมมือจะเป็นในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในภาควิศวกรรมขั้นสูง ซึ่งทางญี่ปุ่นจะส่งบุคลากรเข้ามาถ่ายทอดเทคโนโลยีที่สามารถนำไปยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ภาคเอกชนญี่ปุ่นสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากเห็นว่าไทยมีบุคลากรที่มีความชำนาญในระดับที่สามารถพัฒนาเทคนิคการผลิตไปสู่ขั้นสูงได้ ซึ่งรัฐบาลจะเพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากรให้เป็นแรงงานในระดับวิชาชีพเฉพาะทางที่จะอยู่ในความต้องการของตลาด เนื่องจากเล็งเห็นว่าจะสามารถลดข้อเปรียบเทียบเรื่องค่าจ้างแรงงานที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง เช่น จีน และอินเดีย เป็นต้น” นายสุริยะ กล่าว
ในส่วนของแนวทางความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ 1. การพัฒนาบุคลากรที่มีอยู่ในภาคธุรกิจ โดยจะถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงให้เพื่อเพิ่มทักษะทางวิชาชีพ 2. การพัฒนาบุคลากรใหม่ ซึ่งจะเป็นความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และทบวงมหาวิทยาลัยจัดหลักสูตรการเรียนให้ตรงกับความต้องการในภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงการจัดเตรียมระบบฐานข้อมูลที่สามารถเป็นตัวชี้วัดได้ว่าภาวะอุตสาหกรรมทั้งปัจจุบันและในอนาคตมีความต้องการบุคลากรด้านวิชาชีพเพื่อป้อนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในสัดส่วนเท่าใด
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมขยายผลโครงการความร่วมมือในด้านการสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยจะเป็นลักษณะการจัดส่งผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นโดยตรงมาถ่ายทอดความรู้ ความชำนาญให้กับบุคลากรที่ร่วมโครงการ หลังจากนั้นผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องนำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดต่อให้กับกลุ่มผู้ประกอบการต่อไป
นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมยังได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในข้อเท็จจริงไทยจะมีการผลิตมุ่งเน้นในกลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำและปลายน้ำ แต่ยังขาดในส่วนของกลางน้ำอยู่ ดังนั้น จึงต้องการที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น เข้ามาลงทุนในไทยให้เพิ่มมากขึ้นในการผลิตสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ประเภทกลางน้ำ เพราะนอกเหนือจากการสร้างไทยให้เป็นฐานการผลิต ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการจ้างแรงงานในประเทศเพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่ง