เป๊ปซี่เกาะกระแสศิลปินเกาหลีมาแรง เตรียมดึง"เรน" เป็นพรีเซ็นเตอร์รีจินอลแคมเปญส่งท้ายปี หวังสร้างทอล์กออฟเดอะทาวน์เหมือนครั้งเปิดตัวเจอร์รี่ เอฟ 4 เล็งเจาะกลุ่มวัยรุ่นที่คลั่งดาราเกาหลี อีกทั้งรับศึกเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มาแย่งแชร์ไป
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่ม เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนวโน้มกระแสความนิยมศิลปินเกาหลีขยายวงกว้างขึ้น ดังนั้นทางเป๊ปซี่ โคลาจึงเกาะเทรนด์ด้วยการเซ็นสัญญาว่าจ้าง "เรน- ชอง-จีฮุน" เจ้าของอัลบั้มล่าสุด It's Raining และนักแสดงจากซีรีส์เกาหลีเรื่องFULL HOUSE มาเป็นพรีเซ็นเตอร์รีจินอลแคมเปญให้เป๊ปซี่ เนื่องจากต้องการตอบสนองกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบดาราและนักร้องเกาหลี อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เป๊ปซี่เคยประสบความสำเร็จในการทำแคมเปญตลาดระดับภูมิภาคด้วยการนำเจอร์รี่ F4 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
ด้านรายละเอียดในการเซ็นสัญญาจ้างเรนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เป๊ปซี่นั้นยังไม่ได้มีการเปิดเผยแต่อย่างใด แต่คาดการณ์ว่าจะเป็นแคมเปญพิเศษที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้เพื่อให้เป็นกระแสทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์เหมือนกับครั้งที่เคยเปิดตัวเจอร์รี่ F4 เนื่องจากกระแสความนิยมในตัวเรนมาแรงมาก ทั้งนี้การที่เป๊ปซี่ใช้กลยุทธ์การนำเอาซูเปอร์สตาร์ในแต่ละภูมิภาคมาสร้างความน่าสนใจให้กับแบรนด์นั้นได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
สำหรับทางฝั่งคู่แข่งอย่างโค้กเพิ่งออกโฆษณาชุด "Coke with Food-DANCE" โดยมี" ชินหวา" (Shinhwa) บอยแบนด์จากเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์และเริ่มออกเผยแพร่ในไทยมาได้สักพักแล้ว รวมถึงยังได้มีการจัดกิจกรรมให้กับน้ำสีอย่างแฟนต้า ซึ่งเป็นน้ำอัดลมภายในเครือ ในงาน 'Fanta Asian Flavors Movies & Music 2005' โดยมีรางวัลให้ลูกค้าได้ชิงแพคเกจดูคอนเสิร์ตKorea -Japan's super live ที่ประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์การทำตลาดของค่ายน้ำอัดลมใหญ่ทั้งโค้กและเป๊ปซี่จะใช้วิธีเกาะกระแสความนิยมของกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลักในการดึงดูดความสนใจของวัยรุ่นให้หันมาดื่มน้ำอัดลมแทนเครื่องดื่มสุขภาพที่กำลังมาแรง ซึ่งปัจจุบันตลาดน้ำอัดลมกำลังแข่งขันทางอ้อมกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ดังนั้นค่ายน้ำอัดลมจึงต้องหากลยุทธ์การตลาดใหม่มากกว่าการทำโปรโมชั่น
ปัจจุบันในตลาดโลกโคคา-โคลาเป็นผู้นำตลาดและเป๊ปซี่อยู่ในฐานะที่เป็นรองในตลาดโลก ดังนั้นทางเป๊ปซี่จึงต้องพยายามสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่หรือนิวเจเนอเรชั่นเพื่อจับตลาดคนรุ่นใหม่ที่กำลังขยายตัวในอนาคต อย่างไรก็ตามตลาดไทยแตกต่างจากประเทศอื่น คือ ในไทยเป๊ปซี่ มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยแชร์กว่า 60% จากตลาดรวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่ม เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนวโน้มกระแสความนิยมศิลปินเกาหลีขยายวงกว้างขึ้น ดังนั้นทางเป๊ปซี่ โคลาจึงเกาะเทรนด์ด้วยการเซ็นสัญญาว่าจ้าง "เรน- ชอง-จีฮุน" เจ้าของอัลบั้มล่าสุด It's Raining และนักแสดงจากซีรีส์เกาหลีเรื่องFULL HOUSE มาเป็นพรีเซ็นเตอร์รีจินอลแคมเปญให้เป๊ปซี่ เนื่องจากต้องการตอบสนองกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบดาราและนักร้องเกาหลี อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เป๊ปซี่เคยประสบความสำเร็จในการทำแคมเปญตลาดระดับภูมิภาคด้วยการนำเจอร์รี่ F4 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
ด้านรายละเอียดในการเซ็นสัญญาจ้างเรนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เป๊ปซี่นั้นยังไม่ได้มีการเปิดเผยแต่อย่างใด แต่คาดการณ์ว่าจะเป็นแคมเปญพิเศษที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้เพื่อให้เป็นกระแสทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์เหมือนกับครั้งที่เคยเปิดตัวเจอร์รี่ F4 เนื่องจากกระแสความนิยมในตัวเรนมาแรงมาก ทั้งนี้การที่เป๊ปซี่ใช้กลยุทธ์การนำเอาซูเปอร์สตาร์ในแต่ละภูมิภาคมาสร้างความน่าสนใจให้กับแบรนด์นั้นได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
สำหรับทางฝั่งคู่แข่งอย่างโค้กเพิ่งออกโฆษณาชุด "Coke with Food-DANCE" โดยมี" ชินหวา" (Shinhwa) บอยแบนด์จากเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์และเริ่มออกเผยแพร่ในไทยมาได้สักพักแล้ว รวมถึงยังได้มีการจัดกิจกรรมให้กับน้ำสีอย่างแฟนต้า ซึ่งเป็นน้ำอัดลมภายในเครือ ในงาน 'Fanta Asian Flavors Movies & Music 2005' โดยมีรางวัลให้ลูกค้าได้ชิงแพคเกจดูคอนเสิร์ตKorea -Japan's super live ที่ประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์การทำตลาดของค่ายน้ำอัดลมใหญ่ทั้งโค้กและเป๊ปซี่จะใช้วิธีเกาะกระแสความนิยมของกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลักในการดึงดูดความสนใจของวัยรุ่นให้หันมาดื่มน้ำอัดลมแทนเครื่องดื่มสุขภาพที่กำลังมาแรง ซึ่งปัจจุบันตลาดน้ำอัดลมกำลังแข่งขันทางอ้อมกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ดังนั้นค่ายน้ำอัดลมจึงต้องหากลยุทธ์การตลาดใหม่มากกว่าการทำโปรโมชั่น
ปัจจุบันในตลาดโลกโคคา-โคลาเป็นผู้นำตลาดและเป๊ปซี่อยู่ในฐานะที่เป็นรองในตลาดโลก ดังนั้นทางเป๊ปซี่จึงต้องพยายามสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่หรือนิวเจเนอเรชั่นเพื่อจับตลาดคนรุ่นใหม่ที่กำลังขยายตัวในอนาคต อย่างไรก็ตามตลาดไทยแตกต่างจากประเทศอื่น คือ ในไทยเป๊ปซี่ มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยแชร์กว่า 60% จากตลาดรวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท