xs
xsm
sm
md
lg

สมาคมอุตฯค้านขายตรงเข้ากระทรวงยุติธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทยเผยภาพรวมธุรกิจขายตรงไทยไม่เดินหน้า ชี้ควรแยกตัวเป็นอิสระตั้งเป็นกองขายตรง และสังกัดกระทรวงพาณิชย์หรือกระทรวงอุตฯ มากกว่าที่ไปสังกัดกระทรวงยุติธรรมตามสคบ. ระบุภาครัฐควรส่งเสริมอย่างจริงจังเพราะขายตรงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 35,000 ล้านบาท ชี้ควรบรรจุเป็นหลักสูตรในสถาบันอุดมศึกษา ส่วนความคืบหน้าบอร์ดชุดใหม่ส่อเค้ายืดเยื้อ หลังรัฐประกาศแก้หลักเกณฑ์ใหม่

นางสาวเบญจวรรณ สุขประพฤติ นายกสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย(TDIA) เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจขายตรงในไทยยังวนอยู่ที่เดิมและไม่ก้าวหน้าไปไหน ซึ่งในส่วนของทางสมาคมฯก็มีหน้าที่ให้ข้อมูลขายตรงที่ถูกต้องแก่ภาครัฐ เพื่อที่หน่วยงานรัฐจะนำข้อมูลไปกำหนดทิศทางของธุรกิจขายตรงในไทยให้มีความชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งปัจจุบันธุรกิจขายตรงอยู่ในความดูแลของทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือสคบ. โดยล่าสุดทางภาครัฐเตรียมให้สคบ.เข้าสังกัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้แล้วจะส่งผลให้ธุรกิจขายตรงต้องเข้าอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงยุติธรรมตามไปด้วย

ดังนั้นทางสมาคมฯมองว่าควรผลักดันให้ธุรกิจขายตรงแยกตัวออกมาเป็นต่างหาก โดยอาจจะตั้งเป็นกองขายตรงโดยเฉพาะและแยกหน่วยงานย่อยออกมา เช่น กองรับจดทะเบียน และกองเผยแพร่และพัฒนาธุรกิจ ฯลฯ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ทางสมาคมฯเตรียมจัดทำสัมมนาในหัวข้อ “ธุรกิจขายตรงได้หรือเสีย หากสคบ.สังกัดกระทรวงยุติธรรม?”  ในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ โดยจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับขายตรงมาร่วมสัมมนา อาทิ ตัวแทนจากสมาคมการขายตรงไทยหรือTDSA

ทั้งนี้หากทางสคบ.สังกัดกับกระทรวงยุติธรรมจะมีข้อดี คือ สคบ.จะมีอำนาจในการจับกุมมากขึ้น ขณะที่ข้อเสียจะมีมากกว่า อาทิ ธุรกิจขายตรงจะไม่เกิดการพัฒนาและไม่เติบโต ตัวผู้บริหารและการบริหารงานไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน ขณะที่ด้านผู้ประกอบการและนักลงทุนไม่ได้รับความสะดวกสบายในการบริหารงาน

นางสาวศิริพร ธรรมภักดี กรรมการบริหารฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของTDIA กล่าวว่า ปัจจุบันนโยบายของภาครัฐยังไม่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนธุรกิจขายตรงให้เติบโตไปอย่างที่ควรจะเป็น มองว่าธุรกิจขายตรงควรอยู่ในสังกัดที่ถูกต้องหรือที่เกี่ยวข้องกับการค้า เช่น กระทรวงพาณิชย์หรือกระทรวงอุตสาหกรรมมากกว่าที่จะไปสังกัดกระทรวงยุติธรรมหรืออยู่ภายใต้การดูแลของสคบ. เพราะจะทำให้การพัฒนาธุรกิจเป็นไปได้ยาก แต่หากขายตรงอยู่ในสังกัดที่ถูกต้องเชื่อว่าธุรกิจจะมีการเติบโตมากและสร้างยอดรายได้ให้แก่ประเทศมหาศาล

ประกอบกับทางภาครัฐควรมีการส่งเสริมธุรกิจขายตรงอย่างจริงจัง อาทิ การนำเอาธุรกิจขายตรงเข้าเป็นหลักสูตรในสถาบันการศึกษาระดับปริญญาตรี เพื่อที่นิสิตและนักศึกษาจะได้มีโอกาสเรียนรู้ธุรกิจขายตรงที่ถูกต้องและไม่ถูกหลอกหากคิดจะทำขายตรงในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการสร้างรายได้และสอนให้นักศึกษาทำธุรกิจเป็นตั้งแต่ยังเรียนอยู่

ทั้งนี้จากข้อมูลของสมาพันธ์การขายตรงโลกระบุว่าตลาดรวมธุรกิจขายตรงไทยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามีมูลค่ารวม 35,200 ล้านบาท โดยมียอดคนไทยที่อยู่ในระบบขายตรงกว่า 4 ล้านคน ธุรกิจขายตรงยังสามารถเติบโตไปได้อีกมาก หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยปัจจุบันภาพลักษณ์ขายตรงที่คนภายนอกมอง 60-70% มองในแง่ลบ แต่หากมองในด้านบวกขายตรงช่วยสร้างยอดรายได้มาก

นายประพันธ์ คูณมี ที่ปรึกษาสมาคมฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรงชุดใหม่ว่า ทางสมาคมฯได้เสนอชื่อคณะกรรมการชุดใหม่เข้าไปแล้วเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แต่ทางหน่วยงานภาครัฐได้มีการสั่งแก้รื้อระเบียบและหลักเกณฑ์ใหม่ อาทิ ผู้ที่รับการเสนอชื่อต้องเป็นกรรมการของสมาคมหรือมีผลงานด้านธุรกิจขายตรงหรือตลาดแบบตรงเป็นที่ประจักษ์ไม่น้อยกว่า 3 ปี เป็นต้น ซึ่งระเบียบการใหม่จะมีผลตั้งแต่ 11 ก.ย. นี้

โดยทางกฎหมายสมาคมที่มีสิทธ์ส่งรายชื่อเป็นบอร์ดมี 2 ฝ่าย คือ สมาคมอุตฯได้เสนอชื่อนายประพันธ์ คูณมีเข้าไป ซึ่งเป็นเพียงที่ปรึกษาสมาคมฯเท่านั้นแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ตามระเบียบใหม่นายประพันธ์จึงหมดสิทธ์ไป ขณะที่สมาคมการขายตรงไทยได้เสนอนายคมศักดิ์ อำพันยุทธ์ อย่างไรก็ตามการที่รัฐเปลี่ยนหลักเกณฑ์ใหม่ส่งผลให้การสรรหาบอร์ดชุดใหม่ต้องเริ่มต้นนับศูนย์ใหม่และล่าช้าออกไป ขณะที่บอร์ดชุดเดิมซึ่งจะหมดวาระลงในวันที่ 24 กันยายนนี้จะรักษาการณ์แทนไปก่อนจนกว่าจะหาบอร์ดชุดใหม่ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น