สบพ. มั่นใจพันธบัตรสถาบันบริหารกองทุนพลังงานเนื้อหอม ระบุนักลงทุนประเภทสถาบันและประชาชนทั่วไปให้ความสนใจ เนื่องจากมองว่าเป็นพันธบัตรที่มีระยะสั้น–ปานกลาง รวมทั้งมีโครงสร้างและแหล่งรายได้การชำระหนี้อย่างชัดเจน โดยเตรียมขออนุมัติ ครม. พรุ่งนี้ (20 กย.) และเปิดขายล็อตแรก 2.2 หมื่นล้าน 13 ต.ค.นี้
นายศิวะนันท์ ณ นคร ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สบพ. ได้ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และบริษัทที่ปรึกษาทางด้านการเงิน คือ บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย บริษัทหลักทรัพย์ฟินันซ่า และบริษัทหลักทรัพย์บาร์เคลย์ แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด จัดบรรยายสรุปข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพันธบัตรให้แก่นักลงทุนประเภทสถาบัน โดยนักลงทุนได้ให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากมองว่าเป็นพันธบัตรที่มีระยะสั้น–ปานกลาง โดยมีอายุเพียง 1 ปี 2 ปี และ 3 ปี ตามลำดับ รวมทั้งมีโครงสร้างและแหล่งรายได้การชำระหนี้อย่างชัดเจน และที่สำคัญคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะประสานงานกับรัฐบาลเพื่อให้มีมาตรการในการให้ความคุ้มครองนักลงทุนให้ได้รับชำระหนี้อย่างครบถ้วนตามกำหนดเวลา สบพ. จึงมั่นใจว่าพันธบัตรชุดนี้จะได้รับความสนใจ
ในวงกว้าง
ทั้งนี้ รายละเอียดในการดำเนินการต่อไป สบพ.จะได้รายงานให้คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) ในการเตรียมเสนอขายพันธบัตรประมาณวันที่ 13 ตุลาคม 2548 จำนวน 22,000 ล้านบาท กำหนดอายุไถ่ถอน 1-3 ปี อย่างไรก็ตาม สบพ. จะจัดบรรยายสรุปข้อมูลพันธบัตรของ สบพ.ให้แก่นักลงทุนรายย่อยหรือประชาชนทั่วไปในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเช่นเดียวกับนักลงทุนประเภทสถาบัน
นายศิวะนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่าแม้ว่ากระทรวงการคลังจะไม่ค้ำประกันพันธบัตรของ สบพ. เนื่องจากข้อห้ามตาม พ.ร.บ.บริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 แต่พันธบัตรของ สบพ. ก็ยังคงมีสถานะที่มั่นคง เนื่องจาก สบพ. เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งตามอำนาจแห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ.2542 โดยอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน ตลอดจนการได้รับเงินสนับสนุนในรูปเงินยืมไม่มีดอกเบี้ยจำนวน 12,000 ล้านบาท จากรัฐบาล หากเกิดปัญหาสภาพคล่อง โดยให้ สบพ. ทยอยเบิกตามความจำเป็นและให้ชำระคืนภายหลังจากการชำระหนี้พันธบัตรและเงินกู้ทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว นอกจากนี้ ยังมีแหล่งรายได้ที่นำมาชำระหนี้ที่ชัดเจนคือรายรับจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ประกอบกับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะประสานงานกับรัฐบาลเพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองเพื่อให้ผู้ถือพันธบัตรได้รับชำระหนี้อย่างครบถ้วนตามกำหนดเวลา
นายศิวะนันท์ ณ นคร ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สบพ. ได้ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และบริษัทที่ปรึกษาทางด้านการเงิน คือ บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย บริษัทหลักทรัพย์ฟินันซ่า และบริษัทหลักทรัพย์บาร์เคลย์ แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด จัดบรรยายสรุปข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพันธบัตรให้แก่นักลงทุนประเภทสถาบัน โดยนักลงทุนได้ให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากมองว่าเป็นพันธบัตรที่มีระยะสั้น–ปานกลาง โดยมีอายุเพียง 1 ปี 2 ปี และ 3 ปี ตามลำดับ รวมทั้งมีโครงสร้างและแหล่งรายได้การชำระหนี้อย่างชัดเจน และที่สำคัญคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะประสานงานกับรัฐบาลเพื่อให้มีมาตรการในการให้ความคุ้มครองนักลงทุนให้ได้รับชำระหนี้อย่างครบถ้วนตามกำหนดเวลา สบพ. จึงมั่นใจว่าพันธบัตรชุดนี้จะได้รับความสนใจ
ในวงกว้าง
ทั้งนี้ รายละเอียดในการดำเนินการต่อไป สบพ.จะได้รายงานให้คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) ในการเตรียมเสนอขายพันธบัตรประมาณวันที่ 13 ตุลาคม 2548 จำนวน 22,000 ล้านบาท กำหนดอายุไถ่ถอน 1-3 ปี อย่างไรก็ตาม สบพ. จะจัดบรรยายสรุปข้อมูลพันธบัตรของ สบพ.ให้แก่นักลงทุนรายย่อยหรือประชาชนทั่วไปในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเช่นเดียวกับนักลงทุนประเภทสถาบัน
นายศิวะนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่าแม้ว่ากระทรวงการคลังจะไม่ค้ำประกันพันธบัตรของ สบพ. เนื่องจากข้อห้ามตาม พ.ร.บ.บริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 แต่พันธบัตรของ สบพ. ก็ยังคงมีสถานะที่มั่นคง เนื่องจาก สบพ. เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งตามอำนาจแห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ.2542 โดยอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน ตลอดจนการได้รับเงินสนับสนุนในรูปเงินยืมไม่มีดอกเบี้ยจำนวน 12,000 ล้านบาท จากรัฐบาล หากเกิดปัญหาสภาพคล่อง โดยให้ สบพ. ทยอยเบิกตามความจำเป็นและให้ชำระคืนภายหลังจากการชำระหนี้พันธบัตรและเงินกู้ทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว นอกจากนี้ ยังมีแหล่งรายได้ที่นำมาชำระหนี้ที่ชัดเจนคือรายรับจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ประกอบกับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะประสานงานกับรัฐบาลเพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองเพื่อให้ผู้ถือพันธบัตรได้รับชำระหนี้อย่างครบถ้วนตามกำหนดเวลา