นายกรัฐมนตรีระบุประเทศแกมเบียมอบบ่อน้ำมันให้ ปตท.เข้าดำเนินการ 1 บ่อ พร้อมต้องการให้ไทยเข้าไปลงทุนธุรกิจก่อสร้าง ด้านอินโดนีเซียต้องการร่วมมือด้านพลังงานก๊าซธรรมชาติกับไทย ด้านนักธุรกิจสหรัฐสนใจการลงทุนในไทยและทิศทางของประเทศ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ นายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน ว่า ในการเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนสหประชาชาติ ครั้งที่ 2 นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้หารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐแกมเบีย ซึ่งเคยมาเยือนประเทศไทยแล้ว โดยประธานาธิบดีแกมเบียได้มอบบ่อน้ำมัน 1 บ่อ แก่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยไม่ต้องประมูล โดยนายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เดินทางไปพบเพื่อหารือในรายละเอียดแล้ว ทั้งนี้ ประธานาธิบดีแกมเบียยังต้องการให้ประเทศไทยเข้าไปลงทุนด้านก่อสร้าง และก็ต้องการซื้อข้าวจากประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้ ยังได้เจรจาทวิภาคีกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่มีแนวคิดอยากให้ไทยกับอินโดนีเซียร่วมมือกันด้านพลังงาน ทั้งด้านของพลังงานก๊าซธรรมชาติ และพลังงานก๊าซชีวภาพ โดยจะช่วยกันพัฒนา ซึ่งตนจะมอบหมายให้นายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหารือในรายละเอียดกับทางการอินโดนีเซียต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ ประธานบรรณาธิการบริหารรีดเดอร์ นิตยสารราย 3 เดือน ที่สัมภาษณ์ผู้นำทั่วโลก ผู้นำธุรกิจผู้นำของประเทศต่างๆ ได้แวะมาหารือถึงแนวทางในการ โฆษณาประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในกรณีที่จะมีการเปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประกอบกับปีหน้าก็เป็นปีครบรอบ 60 ปี ของการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย และนายโรเบิร์ต รูบิน อดีตรัฐมนตรีคลัง ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานบริษัทซิตี้กรุ๊ป หรือกลุ่มซิตี้แบงก์ ได้เข้าหารือถึงแนวคิดทางด้านเศรษฐกิจพร้อมสอบถามแนวทางของประเทศไทยในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในการที่จะเสริมสร้างสถาบันการเงินของไทย
นอกจากนี้ ในการไปร่วมงานเลี้ยงรับรองและงานเลี้ยงอาหารค่ำของสภาธุรกิจสหรัฐอาเซียน ซึ่งมีประธานบริษัท เอไอที หรือบริษัทเอไอเอ ในประเทศไทยเป็นผู้จัดเลี้ยง ซึ่งมีนักธุรกิจชั้นนำของสหรัฐเข้าร่วมประมาณ 60 คน นักธุรกิจสหรัฐต่างให้ความสนใจซักถามเกี่ยวกับเรื่องบรรยากาศการลงทุนและนโยบายตลอดจนทิศทางของประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมระดับสูงว่าด้วยเงินทุนเพื่อการพัฒนาได้กล่าวสุนทรพจน์ โดยชี้ให้เห็นว่าการแก้ปัญหาประเทศยากจน สิ่งสำคัญคือต้องไม่กีดกันการค้าและในส่วนของการจัดการปัญหาหนี้สินของประเทศที่กำลังพัฒนา จัดการหนี้สินอย่างเดียวไม่พอ จะต้องเสริมด้านการพัฒนารายได้ควบคู่ไปด้วย รวมทั้งความพยายามช่วยเหลือตัวเองของประเทศนั้นๆ ด้วย ส่วนด้านการค้าระหว่างประเทศ ประเทศกำลังพัฒนาสามารถค้าขายระหว่างกันได้ ไม่จำเป็นต้องค้าขายกับประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นว่า สาเหตุส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเก็งกำไร จึงขอให้ประเทศที่เก็งกำไรลดการเก็งกำไรลง เพราะประเทศที่ยากจนได้รับผลกระทบ คนจนได้รับความเดือดร้อนมาก ส่วนประเทศที่ได้กำไรจากการค้าน้ำมัน ขอให้เอาเงินไปลงทุนในภาคธุรกิจที่แท้จริงบ้าง ไม่ควรลงทุนในการเก็งกำไร ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการจ้างงาน และเกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศในเอเชียกำลังพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย หรือเอเชียบอนด์ มาร์เก็ต เพื่อ ให้เกิดประโยชน์สำหรับประเทศในเอเชียและทั้งโลกด้วย และเพื่อให้ธุรกรรมทางการเงินมีความสมดุลมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พบและหารือกับประธานาธิบดีโมซัมบิก ซึ่งต้องการเพิ่มพูนการพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศไทยให้มากขึ้น ทั้งนี้ประเทศโมซัมบิกมีประชากรกว่า 20 ล้านคน และมีความสนใจแนวทางการพัฒนาประเทศไทยหลายด้าน เช่น การปฏิรูประบบราชการ โดยทางประเทศโมซัมบิกจะส่งเจ้าหน้าที่มาศึกษาดูงานต่อไป นายกรัฐมนตรี ยังได้พบกับประธานาธิบดีชิลี โดยหารือกับถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีมีแผนการที่จะไป เยือนและได้ขอยกเลื่อนการไปเยือนออกไปก่อน เนื่องจากภารกิจในประเทศมาก จากนั้นได้หารือกันถึงการที่ทั้งสองประเทศจะจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทยกับชิลีขึ้น เพื่อเพิ่มพูนการค้าระหว่างกัน
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ นายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน ว่า ในการเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนสหประชาชาติ ครั้งที่ 2 นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้หารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐแกมเบีย ซึ่งเคยมาเยือนประเทศไทยแล้ว โดยประธานาธิบดีแกมเบียได้มอบบ่อน้ำมัน 1 บ่อ แก่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยไม่ต้องประมูล โดยนายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เดินทางไปพบเพื่อหารือในรายละเอียดแล้ว ทั้งนี้ ประธานาธิบดีแกมเบียยังต้องการให้ประเทศไทยเข้าไปลงทุนด้านก่อสร้าง และก็ต้องการซื้อข้าวจากประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้ ยังได้เจรจาทวิภาคีกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่มีแนวคิดอยากให้ไทยกับอินโดนีเซียร่วมมือกันด้านพลังงาน ทั้งด้านของพลังงานก๊าซธรรมชาติ และพลังงานก๊าซชีวภาพ โดยจะช่วยกันพัฒนา ซึ่งตนจะมอบหมายให้นายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหารือในรายละเอียดกับทางการอินโดนีเซียต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ ประธานบรรณาธิการบริหารรีดเดอร์ นิตยสารราย 3 เดือน ที่สัมภาษณ์ผู้นำทั่วโลก ผู้นำธุรกิจผู้นำของประเทศต่างๆ ได้แวะมาหารือถึงแนวทางในการ โฆษณาประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในกรณีที่จะมีการเปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประกอบกับปีหน้าก็เป็นปีครบรอบ 60 ปี ของการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย และนายโรเบิร์ต รูบิน อดีตรัฐมนตรีคลัง ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานบริษัทซิตี้กรุ๊ป หรือกลุ่มซิตี้แบงก์ ได้เข้าหารือถึงแนวคิดทางด้านเศรษฐกิจพร้อมสอบถามแนวทางของประเทศไทยในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในการที่จะเสริมสร้างสถาบันการเงินของไทย
นอกจากนี้ ในการไปร่วมงานเลี้ยงรับรองและงานเลี้ยงอาหารค่ำของสภาธุรกิจสหรัฐอาเซียน ซึ่งมีประธานบริษัท เอไอที หรือบริษัทเอไอเอ ในประเทศไทยเป็นผู้จัดเลี้ยง ซึ่งมีนักธุรกิจชั้นนำของสหรัฐเข้าร่วมประมาณ 60 คน นักธุรกิจสหรัฐต่างให้ความสนใจซักถามเกี่ยวกับเรื่องบรรยากาศการลงทุนและนโยบายตลอดจนทิศทางของประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมระดับสูงว่าด้วยเงินทุนเพื่อการพัฒนาได้กล่าวสุนทรพจน์ โดยชี้ให้เห็นว่าการแก้ปัญหาประเทศยากจน สิ่งสำคัญคือต้องไม่กีดกันการค้าและในส่วนของการจัดการปัญหาหนี้สินของประเทศที่กำลังพัฒนา จัดการหนี้สินอย่างเดียวไม่พอ จะต้องเสริมด้านการพัฒนารายได้ควบคู่ไปด้วย รวมทั้งความพยายามช่วยเหลือตัวเองของประเทศนั้นๆ ด้วย ส่วนด้านการค้าระหว่างประเทศ ประเทศกำลังพัฒนาสามารถค้าขายระหว่างกันได้ ไม่จำเป็นต้องค้าขายกับประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นว่า สาเหตุส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเก็งกำไร จึงขอให้ประเทศที่เก็งกำไรลดการเก็งกำไรลง เพราะประเทศที่ยากจนได้รับผลกระทบ คนจนได้รับความเดือดร้อนมาก ส่วนประเทศที่ได้กำไรจากการค้าน้ำมัน ขอให้เอาเงินไปลงทุนในภาคธุรกิจที่แท้จริงบ้าง ไม่ควรลงทุนในการเก็งกำไร ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการจ้างงาน และเกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศในเอเชียกำลังพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย หรือเอเชียบอนด์ มาร์เก็ต เพื่อ ให้เกิดประโยชน์สำหรับประเทศในเอเชียและทั้งโลกด้วย และเพื่อให้ธุรกรรมทางการเงินมีความสมดุลมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พบและหารือกับประธานาธิบดีโมซัมบิก ซึ่งต้องการเพิ่มพูนการพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศไทยให้มากขึ้น ทั้งนี้ประเทศโมซัมบิกมีประชากรกว่า 20 ล้านคน และมีความสนใจแนวทางการพัฒนาประเทศไทยหลายด้าน เช่น การปฏิรูประบบราชการ โดยทางประเทศโมซัมบิกจะส่งเจ้าหน้าที่มาศึกษาดูงานต่อไป นายกรัฐมนตรี ยังได้พบกับประธานาธิบดีชิลี โดยหารือกับถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีมีแผนการที่จะไป เยือนและได้ขอยกเลื่อนการไปเยือนออกไปก่อน เนื่องจากภารกิจในประเทศมาก จากนั้นได้หารือกันถึงการที่ทั้งสองประเทศจะจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทยกับชิลีขึ้น เพื่อเพิ่มพูนการค้าระหว่างกัน