"ดร.สมชาย" เร่งขยายไลน์สินค้ากลุ่มสกินแคร์-เฮอร์เบิ้ล ตอกย้ำโพซิชันนิ่งใหม่"ผู้ดูแลสุขภาพผิวและความงาม" พร้อมวางหมากขยายฐานสู่คนรุ่นใหม่ เตรียมเปิดแนวรบตลาดต่างประเทศทั่วเอเชีย นำร่องที่ฮ่องกงแห่งแรก ตั้งเป้า 3 ปีโพซิชันนิงด้านความงามชัดเจน
นางนภาฉัตร เรืองวัฒนสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส เอส แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชสำอางดร.สมชาย เปิดเผยกับ"ผู้จัดการรายวัน"ว่า หลังจากบริษัทได้ปรับโพซิชันนิ่งการตลาด"ดร.สมชาย"ไปเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ผู้ดูแลสุขภาพผิวและความงามอย่างครบวงจร แต่ภาพลักษณ์ที่สะท้อนออกมาของแบรนด์ดร.สมชายยังไม่ชัดเจน ในเรื่องของความสวยความงามมากนัก โดยการรับรู้ของคนทั่วไปยังเป็นเพียงแค่ผู้ดูแลสุขภาพผิวเท่านั้น
ล่าสุดเพื่อสร้างโพซิชันนิ่งดร.สมชายให้แข็งแกร่งในเรื่องความสวยความงาม บริษัทจึงได้วางแผนขยายไลน์สินค้าในกลุ่มแอนตี้ เอจจิ้ง และในกลุ่มสกินแคร์ แนวเฮอร์เบิ้ลในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อรองรับกับกระแสสุขภาพที่มาแรง ขณะนี้บริษัทได้เปิดตัว แอนตี้ เอจจิ้ง เซรั่ม ครีมกันแดด โฟมล้างหน้าชาขาว โดยภายในปีนี้จะเปิดตัวสินค้าใหม่ 20 รายการ จากในช่วงครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 10 รายการ นอกจากนี้บริษัทได้นำสินค้าที่ไม่สร้างรายได้ 40 รายการออกจากตลาดไป เพื่อบาลานซ์กลุ่มสิว ฝ้า สบู่และกลุ่มสกินแคร์ 50:50 ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนสินค้าทั้งหมด 50 รายการ
ขณะนี้บริษัทกำลังพัฒนาสกินแคร์ แนวสปา ภายใต้แบรนด์ดร.สมชาย คาดว่าจะเปิดตัวภายในปลายปีนี้ อีกทั้งบริษัทยังได้ปรับปรุงด้านบริการโรคผิวหนังอย่างครบวงจร เพื่อสร้างตอกย้ำจุดแข็งในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังของดร.สมชาย ขณะเดียวกันยังได้ปรับบรรจุภัณฑ์ และได้เตรียมปรับปรุงเอ้าท์เลทซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 9 สาขา ให้มีความทันสมัย เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น ทั้งนี้บริษัทได้วางเป้าหมายไว้ว่าภายใน 3 ปี โพซิชันนิ่งดร.สมชายจะต้องมีความชัดเจน ในฐานะเป็นผู้ดูแลแลสุขภาพผิวและความงามอย่างครบวงจร
"เป้าหมายการรีโพซิชันนิ่งของดร.สมชาย คือ ต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูมีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น เนื่องจากดร.สมชายเป็นตราสินค้าที่อยู่มานานถึง 25 ปี ทำให้ฐานลูกค้าส่วนใหญ่ค่อนข้างมีอายุแล้วหรือราว 40 ปีขึ้นไป โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ถึง 60% ส่วนเด็กและวัยรุ่น 40% จากฐานลูกค้ารวม 2 แสนคนขึ้นไป"
แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์เวชสำอางการแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น โดยปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหม่ลงมาในตลาด ทั้งผลิตภัณฑ์จากกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์จากค่ายยักษ์ใหญ่ หรือกระทั่งคลีนิค รักษาผิวหนังที่มีจำนวนเป็นมาก และคู่แข่งโดยตรงอย่าง กลุ่มแพน ดร.มนตรี ฯลฯ ส่งผลให้ตลาดเวชสำอางขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นเพราะคนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และต้องการผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการแนะนำจากเภสัชหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
นางนภาฉัตร กล่าวว่า บริษัทได้วางแผนขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ในเบื้องต้นได้เตรียมเปิดตลาดในฮ่องกงเป็นประเทศแรก ขณะเดียวกันยังได้เปิดกว้างในฐานะเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าแบรนด์ต่างๆ ทั้งนี้เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัท ซึ่งในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ผลประกอบการถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และสิ้นปีนี้โต 20% โดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มสกินแคร์ที่มีอัตราการเติบโตสูงเป็นหลัก
นางนภาฉัตร เรืองวัฒนสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส เอส แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชสำอางดร.สมชาย เปิดเผยกับ"ผู้จัดการรายวัน"ว่า หลังจากบริษัทได้ปรับโพซิชันนิ่งการตลาด"ดร.สมชาย"ไปเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ผู้ดูแลสุขภาพผิวและความงามอย่างครบวงจร แต่ภาพลักษณ์ที่สะท้อนออกมาของแบรนด์ดร.สมชายยังไม่ชัดเจน ในเรื่องของความสวยความงามมากนัก โดยการรับรู้ของคนทั่วไปยังเป็นเพียงแค่ผู้ดูแลสุขภาพผิวเท่านั้น
ล่าสุดเพื่อสร้างโพซิชันนิ่งดร.สมชายให้แข็งแกร่งในเรื่องความสวยความงาม บริษัทจึงได้วางแผนขยายไลน์สินค้าในกลุ่มแอนตี้ เอจจิ้ง และในกลุ่มสกินแคร์ แนวเฮอร์เบิ้ลในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อรองรับกับกระแสสุขภาพที่มาแรง ขณะนี้บริษัทได้เปิดตัว แอนตี้ เอจจิ้ง เซรั่ม ครีมกันแดด โฟมล้างหน้าชาขาว โดยภายในปีนี้จะเปิดตัวสินค้าใหม่ 20 รายการ จากในช่วงครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 10 รายการ นอกจากนี้บริษัทได้นำสินค้าที่ไม่สร้างรายได้ 40 รายการออกจากตลาดไป เพื่อบาลานซ์กลุ่มสิว ฝ้า สบู่และกลุ่มสกินแคร์ 50:50 ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนสินค้าทั้งหมด 50 รายการ
ขณะนี้บริษัทกำลังพัฒนาสกินแคร์ แนวสปา ภายใต้แบรนด์ดร.สมชาย คาดว่าจะเปิดตัวภายในปลายปีนี้ อีกทั้งบริษัทยังได้ปรับปรุงด้านบริการโรคผิวหนังอย่างครบวงจร เพื่อสร้างตอกย้ำจุดแข็งในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังของดร.สมชาย ขณะเดียวกันยังได้ปรับบรรจุภัณฑ์ และได้เตรียมปรับปรุงเอ้าท์เลทซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 9 สาขา ให้มีความทันสมัย เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น ทั้งนี้บริษัทได้วางเป้าหมายไว้ว่าภายใน 3 ปี โพซิชันนิ่งดร.สมชายจะต้องมีความชัดเจน ในฐานะเป็นผู้ดูแลแลสุขภาพผิวและความงามอย่างครบวงจร
"เป้าหมายการรีโพซิชันนิ่งของดร.สมชาย คือ ต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูมีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น เนื่องจากดร.สมชายเป็นตราสินค้าที่อยู่มานานถึง 25 ปี ทำให้ฐานลูกค้าส่วนใหญ่ค่อนข้างมีอายุแล้วหรือราว 40 ปีขึ้นไป โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ถึง 60% ส่วนเด็กและวัยรุ่น 40% จากฐานลูกค้ารวม 2 แสนคนขึ้นไป"
แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์เวชสำอางการแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น โดยปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหม่ลงมาในตลาด ทั้งผลิตภัณฑ์จากกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์จากค่ายยักษ์ใหญ่ หรือกระทั่งคลีนิค รักษาผิวหนังที่มีจำนวนเป็นมาก และคู่แข่งโดยตรงอย่าง กลุ่มแพน ดร.มนตรี ฯลฯ ส่งผลให้ตลาดเวชสำอางขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นเพราะคนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และต้องการผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการแนะนำจากเภสัชหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
นางนภาฉัตร กล่าวว่า บริษัทได้วางแผนขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ในเบื้องต้นได้เตรียมเปิดตลาดในฮ่องกงเป็นประเทศแรก ขณะเดียวกันยังได้เปิดกว้างในฐานะเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าแบรนด์ต่างๆ ทั้งนี้เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัท ซึ่งในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ผลประกอบการถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และสิ้นปีนี้โต 20% โดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มสกินแคร์ที่มีอัตราการเติบโตสูงเป็นหลัก