"ประสาร" ร้อนใจชิงลาออกจากทีพีซี มีผล 30 ก.ย. นี้หลัง"สมใจนึก"ประธานบอรด์ ทีพีซี สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย เหตุทราบเรื่องใช้เวลาปฎิบัติราชการไปรับตำแหน่งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร และยังดำรงค์ตำแหน่งเลขาธิการกองทุนด้วย ชี้งานนี้ความผิดถึงขั้นไม่มีสิทธิเข้ารับตำแหน่งหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจได้อีกด้านโชคศิริ แจงการลาออกไม่กระทบองค์กร พร้อมเดินหน้างานต่อได้ไม่สะดุด โดยจะลงไปดูแลงานด้วยตัวเอง
แหล่งข่าวจากวงราชการ เปิดเผยว่า นายประสาน หวังรัตนปราณี รองผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้ดำเนินการบัตรอีลิท ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว โดยจะมีผลในวันที่ 30 ก.ย. 48 ทั้งนี้การลาออกของนายประสานเกิดขึ้นหลังจาก นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานคณะกรรมการบริษัท ทีพีซี ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน นายประสานกรณีที่ ใช้เวลาการทำงานในบริษัททีพีซีออกไปรับตำแหน่ง คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และยังได้ดำรงค์ตำแหน่งรักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ ด้วย
ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าผิดพ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการ และพนักงานวิสาหกิจ พ.ศ.2518 มาตรา 9 (3) ที่กำหนดว่าพนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องเป็นผู้ที่สามารถทำงานให้รัฐวิสาหกิจนั้นได้เต็มเวลา ดังนั้น การที่นายประสานไปปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงากองทุนฟื้นฟูเกษตรกรฯ เต็มเวลา เท่ากับว่านายประสาน ไม่ได้ทำงานให้กับ ทีพีซี และในขณะนี้การทำงานด้านการสอบสวนก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนนายประสานเมื่อยื่นใบลาออก จึงได้ใช้สิทธิลาพักร้อนยาวไปถึงวันที่มีผลในการลาออก คือ 30 กันยายนศกนี้
สำหรับการสอบสวนนายสมใจนึก ได้สั่งการให้ นายโชคศิริ รอดบุญพา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน พร้อมทั้งให้นำข้อมูลพฤติกรรมนายประสาน ไปส่งที่สำนักคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงคลัง
พิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวผิด พ.ร.บ. หรือไม่ ขณะนี้กำลังรอการตอบกลับจากนั้นจะนำคำตอบที่ได้รับส่งให้บอร์ดพิจารณาอีกรอบ แต่นายประสานก็ลาออกไปก่อน ซึ่งกรณีของนายประสารมีความชัดเจนมากว่า ผิดทางวินัยและต้องถูกลงโทษแน่นอน เบื้องต้นอาจเป็นผลให้นายประสาน ไม่สามารถมีสิทธิเข้ารับตำแหน่งหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจได้อีก
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการรับตำแหน่งในกองทุนฟื้นฟูฯ โดยเฉพาะการรักษาการตำแหน่งเลขาฯ ของนายประสาร เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 48 มีหลักฐานค่อนข้างแน่ชัดว่า จงใจไม่แจ้งข้อเท็จจริงให้คณะกรรมการกองทุนฯทราบถึงสถานภาพของตนเองที่ดำรงตำแหน่งเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจอยู่ และเมื่อมีกระแสข่าวว่าตำแหน่งของนายประสานที่ คณะกรรมการกองทุนฯ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย นายประสานจึงรีบลาออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อจะรักษาสถานะตัวเองที่อยู่ในทีพีซีไว้ แต่เมื่อถูกทีพีซี ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด ตั้งคณะกรรกมารขึ้นมาสอบเช่นกันก็ชิงลาออกเพื่อไม่ให้ตัวเองมีความผิด
ทางด้านนายโชคศิริ รอดบุญพา ผู้จัดการใหญ่ ทีพีซี กล่าวว่า การลาออกของนายประสาร จะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของบริษัท เพราะเรายึดระบบการทำงานมากกว่าตัวบุคคล หน้าที่ในตำแหน่งของนายประสาร คือ ติดต่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกบัตรอีลิทกับหน่วยงานภาครัฐ หรือ กรรมาธิการต่างๆ ซึ่งตรงนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ระดับรองในฝ่ายงานเดียวกันร่วมทำงานอยู่ด้วย จึงมีข้อมูลเพียงพอที่จะดำเนินงานต่อโดยงานไม่สะดุด ขณะเดียวกันในระหว่างนี้ตนก็จะเข้าไปช่วยดูงานส่วนนี้อย่างเต็มตัวด้วย
สำหรับเป้าหมายยอดขายบัตรสมาชิก ไทยแลนด์อีลิทสิ้นปีนี้ยังคงตั้งไว้ที่ 2,000 ใบ ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 1,050 ใบ ส่วนการดึงเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศ ในสิ้นปีนี้น่าจะได้ถึง 2,000 ล้านบาท ธุรกิจที่สมาชิกอีลิทสนใจลงทุนได้แก่ โรงพยาบาล อุตสาหกรรมยานยนต์ และ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
แหล่งข่าวจากวงราชการ เปิดเผยว่า นายประสาน หวังรัตนปราณี รองผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้ดำเนินการบัตรอีลิท ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว โดยจะมีผลในวันที่ 30 ก.ย. 48 ทั้งนี้การลาออกของนายประสานเกิดขึ้นหลังจาก นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานคณะกรรมการบริษัท ทีพีซี ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน นายประสานกรณีที่ ใช้เวลาการทำงานในบริษัททีพีซีออกไปรับตำแหน่ง คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และยังได้ดำรงค์ตำแหน่งรักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ ด้วย
ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าผิดพ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการ และพนักงานวิสาหกิจ พ.ศ.2518 มาตรา 9 (3) ที่กำหนดว่าพนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องเป็นผู้ที่สามารถทำงานให้รัฐวิสาหกิจนั้นได้เต็มเวลา ดังนั้น การที่นายประสานไปปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงากองทุนฟื้นฟูเกษตรกรฯ เต็มเวลา เท่ากับว่านายประสาน ไม่ได้ทำงานให้กับ ทีพีซี และในขณะนี้การทำงานด้านการสอบสวนก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนนายประสานเมื่อยื่นใบลาออก จึงได้ใช้สิทธิลาพักร้อนยาวไปถึงวันที่มีผลในการลาออก คือ 30 กันยายนศกนี้
สำหรับการสอบสวนนายสมใจนึก ได้สั่งการให้ นายโชคศิริ รอดบุญพา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน พร้อมทั้งให้นำข้อมูลพฤติกรรมนายประสาน ไปส่งที่สำนักคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงคลัง
พิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวผิด พ.ร.บ. หรือไม่ ขณะนี้กำลังรอการตอบกลับจากนั้นจะนำคำตอบที่ได้รับส่งให้บอร์ดพิจารณาอีกรอบ แต่นายประสานก็ลาออกไปก่อน ซึ่งกรณีของนายประสารมีความชัดเจนมากว่า ผิดทางวินัยและต้องถูกลงโทษแน่นอน เบื้องต้นอาจเป็นผลให้นายประสาน ไม่สามารถมีสิทธิเข้ารับตำแหน่งหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจได้อีก
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการรับตำแหน่งในกองทุนฟื้นฟูฯ โดยเฉพาะการรักษาการตำแหน่งเลขาฯ ของนายประสาร เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 48 มีหลักฐานค่อนข้างแน่ชัดว่า จงใจไม่แจ้งข้อเท็จจริงให้คณะกรรมการกองทุนฯทราบถึงสถานภาพของตนเองที่ดำรงตำแหน่งเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจอยู่ และเมื่อมีกระแสข่าวว่าตำแหน่งของนายประสานที่ คณะกรรมการกองทุนฯ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย นายประสานจึงรีบลาออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อจะรักษาสถานะตัวเองที่อยู่ในทีพีซีไว้ แต่เมื่อถูกทีพีซี ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด ตั้งคณะกรรกมารขึ้นมาสอบเช่นกันก็ชิงลาออกเพื่อไม่ให้ตัวเองมีความผิด
ทางด้านนายโชคศิริ รอดบุญพา ผู้จัดการใหญ่ ทีพีซี กล่าวว่า การลาออกของนายประสาร จะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของบริษัท เพราะเรายึดระบบการทำงานมากกว่าตัวบุคคล หน้าที่ในตำแหน่งของนายประสาร คือ ติดต่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกบัตรอีลิทกับหน่วยงานภาครัฐ หรือ กรรมาธิการต่างๆ ซึ่งตรงนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ระดับรองในฝ่ายงานเดียวกันร่วมทำงานอยู่ด้วย จึงมีข้อมูลเพียงพอที่จะดำเนินงานต่อโดยงานไม่สะดุด ขณะเดียวกันในระหว่างนี้ตนก็จะเข้าไปช่วยดูงานส่วนนี้อย่างเต็มตัวด้วย
สำหรับเป้าหมายยอดขายบัตรสมาชิก ไทยแลนด์อีลิทสิ้นปีนี้ยังคงตั้งไว้ที่ 2,000 ใบ ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 1,050 ใบ ส่วนการดึงเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศ ในสิ้นปีนี้น่าจะได้ถึง 2,000 ล้านบาท ธุรกิจที่สมาชิกอีลิทสนใจลงทุนได้แก่ โรงพยาบาล อุตสาหกรรมยานยนต์ และ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์