xs
xsm
sm
md
lg

ซีอาร์จีรื้อลอจิสติกส์อาหารให้เอ็กเซล ลุ้นพื้นที่สุวรรณภูมิ-แผน5ปีทุ่ม2พันล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ซีอาร์จีรื้อระบบลอจิสติกส์กลุ่มอาหาร ควบรวมทุกแบรนด์ยกให้เอ็กเซลบริหารทั้งหมด ลุ้นพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิเปิดทุกแบรนด์ คาดสรุปสิ้นเดือน ทุ่มงบ 2,000 ล้านบาท รับแผนขยายธุรกิจ 5 ปี เพิ่มเป็น 700 สาขา เป้ารายได้ 8,000 ล้านบาท

นายธีระเดช จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด หรือเซ็นเทล ในฐานะกรรมการบริหาร บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือซีอาร์จี กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจกลุ่มอาหารจากนี้ไปอีก 5 ปีจนถึงปี 2553 ตั้งงบประมาณลงทุนไว้รวม 2,000 ล้านบาท หรือประมาณปีละ 400 ล้านบาท ในการลงทุนขยายสาขา ร้านอาหารทุกแบรนด์ที่มีอยู่ 6 แบรนด์ คือ เคเอฟซี พิซซ่าฮัท มิสเตอร์โดนัท บาสกิ้นร้อบบิ้นส์ อานตี้แอนส์   สเต็กฮันเตอร์ (เป็นแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นมาเอง) ให้ได้ครบ 700 สาขาทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่มีอยู่รวม 408 สาขา และตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 8,000 ล้านบาท จากปัจจุบันทำได้ 4,000 ล้านบาท

เปิด3แนวทางหลักขยายธุรกิจ
ขณะเดียวกันนโยบายในการขยายธุรกิจจะยึด 3 แนวทางหลักคือ 1.การพัฒนาร้านอาหารแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเอง 2.การซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์จากต่างประเทศ และ 3. การเทคโอเวอร์กิจการร้านอาหารที่มีศักยภาพในประเทศไทยจากผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการทั้งในส่วนของแบรนด์ต่างประเทศและแบรนด์ไทย

นอกจากนั้นแล้วก็ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับทางเจ้าของลิขสิทธิ์แฟรนไชส์บางแบรนด์ที่ทางกลุ่มเซ็นทรัลเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์อยู่แล้ว เพื่อขยายสิทธิ์ไปลงทุนยังต่างประเทศในละแวกประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังไม่มีข้อสรุป

ปัจจุบันซีอาร์จีมีสาขาของ มิสเตอร์โดนัท 147 แห่ง เคเอฟซี 117 แห่ง (ตัวทำรายได้หลักกว่า 50%) บาสกิ้นร้อบบิ้นส์ 61 แห่ง อานตี้แอนส์ 51 แห่ง พิซซ่าฮัท 24 แห่ง สเต็กฮันเตอร์ 5 แห่ง ทั้งนี้ทำเลที่จะขยายสาขาต่อไปนั้นยังคงมุ่งเน้นในศูนย์การค้า ดิสเคานท์สโตร์ และย่านชุมชน เป็นหลักเหมือนเดิม พร้อมกับการมองหาทำเลใหม่ๆด้วย

ส่วนแผนที่ทางกลุ่มได้ยื่นเสนอไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อนำร้านอาหารเข้าไปเปิดบริการนั้น โดยบริษัทฯมีแผนที่จะนำทุกแบรนด์ไปเปิดบริการ ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อหรือข้อสรุปจากทางสนามบินสุวรรณภูมิ คาดว่าจะสรุปผลสิ้นเดือนนี้เนื่องจากมีผู้ประกอบการเสนอตัวเข้ามาหลายราย

เขากล่าวด้วยว่า หากเทียบกับการเติบโตจากแผนงานเดิมตั้งแต่ช่วงปี 2544 จะพบว่า มีจำนวนสาขารวม 330 แห่ง มีรายได้รวม 2,300 ล้านบาท และเมื่อปี 2548 พบว่ามีสาขารวมทั้งสิ้น 450 แห่ง และมีรายได้รวม 4,000 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มอาหารช่วงครึ่งปีแรก 2548 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วพบว่า มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,871 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ทำได้ 1,482 ล้านบาท เติบโต 26% ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วพบว่า มีรายได้รวมกลุ่มอาหาร 979 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันที่ทำได้ 810 ล้านบาท เติบโต 20% มีผลกำไร 71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ทำได้ 55 ล้านบาท เติบโต 29%

รื้อลอจิสติกส์ใหม่
เขากล่าวด้วยว่า เนื่องจากบริษัทฯมีหลายแบรนด์ที่ดำเนินงานอยู่รวมทั้งแบรนด์ใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต จึงได้ ปรับระบบวิธีการดำเนินงานใหม่ทางด้านลอจิสติกส์ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ด้วยการรวมทุกแบรนด์มาทำลอจิสติกส์ร่วมกันจากเดิมที่ต่างแบรนด์ต่างทำกันเอง ซึ่งคลังสินค้าใหม่ตั้งอยู่ที่สุขสวัสดิ์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยทำให้ลดต้นทุนการขนส่งลง 5-10% โดยมอบหมายให้บริษัทเอ็กเซลเป็นผู้ดำเนินงานลอจิสติกส์ทั้งหมด รวมทั้งจะลดปริมาณสต๊อกสินค้าจากเดิม 30 วันให้เหลือ 20 วัน ซึ่งจะเป็นผลดีทำให้บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายลดลง โดยที่ยังไม่มีนโยบายปรับราคาจำหน่ายสินค้าอาหารแม้ว่าภาวะราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม

นายเกิร์ด สตีบ กรรมกรผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนทางด้านโรงแรมและรีสอร์ตว่า แผน 5 ปีจากนี้ตั้งแต่ปี 2549-2553 ตั้งงบประมาณลงทุนไว้ 10,000 ล้านบาท เพื่อขยายโรงแรมใหม่ๆเพิ่มขึ้นเป็น 22 แห่ง จำนวนห้องพักเพิ่มเป็น 5,293 ห้อง รายได้รวมเป็น 7,366 ล้านบาท จากเดิมในปี 2548 นี้ที่มีจำนวนโรงแรม 13 แห่ง จำนวนห้องพัก 2,428 ห้อง และมีรายได้ 2,661 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับปี 2544 ที่มีจำนวน 11 โรงแรม จำนวนห้องพัก 1,791 ห้อง รายได้รวม 2,090 ล้านบาท

"ในปีนี้บริษัทฯจะมีรีสอร์ตรูปแบบใหม่แห่งแรกที่จะเปิดบริการที่กระบี่ ให้บริการห้องพักที่มีขนาดใหญ่ถึง 70 ตารางเมตร นอกนั้นก็จะมีการลงทุนต่อเนื่องกับโรงแรมเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ เซ็นทรัลพัทยาบีชรีสอร์ต เซ็นทรัลภูเก็ตบีชรีสาอร์ต นอกนั้นยังมีที่ดินเปล่าที่รอการพัฒนาอีกมากเช่น เกาะลันตา เกาะเต่า ระยอง เกาะกูด เป็นต้น ซึ่งกำลังศึกษาถึงศักยภาพทางการตลาดเพื่อการพัฒนาให้เหมาะสมกับทำเลและที่ตั้ง รวมทั้งยังสนใจทำเลที่เป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามเช่น เกาะช้าง ตรัง พังงา เป็นต้น"



กำลังโหลดความคิดเห็น