นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดมหกรรมแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ณ ที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา บ่ายวันนี้ (5 ก.ย.) พร้อมให้ความหวังประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อหลุดพ้นจากความยากจน และสามารถอยู่ในเศรษฐกิจทุนนิยมได้ ระบุประเทศไทยจะไม่มีทางจนหากประชาชนมีสติ และปัญญาควบคู่กัน
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนกับหน่วยงานและสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง ณ ที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา บ่ายวันนี้ (5 ก.ย.) พร้อมเป็นประธานเอกสารสิทธิ ที่หน่วยงานออกให้ผู้ครอบครองสินทรัพย์ มอบประกาศนียบัตรเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ตามนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน มอบเงินทุนที่ได้รับอนุมัติจากสถาบันการเงิน แก่ผู้แปลงสินทรัพย์เป็นทุน มอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้ประกอบการสินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (โอท็อป) ที่ประสบความสำเร็จ และเปิดมหกรรมการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ตามหลักศาสนาอิสลาม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวปราศรัยกับประชาชนกว่า 10,000 คน ที่มาร่วมงานว่านั่งเฮลิคอปเตอร์มาที่จังหวัดพังงาหลายรอบ นับตั้งแต่เกิดเหตุสึนามิที่ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก รัฐบาลได้ดูแลและให้ความช่วยเหลือตั้งแต่แรก ทั้งเรื่องการรักษา ที่อยู่อาศัย ฟื้นฟูอาชีพ รวมถึงการเก็บศพ ซึ่งระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี สามารถแก้ปัญหาได้มากขนาดนี้ แม้จะมีอุปสรรคมากก็ตาม ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนไทยช่วยเหลือกัน ทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแปลงสินทรัพย์เป็นทุนเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย ซึ่งรัฐบาลตระหนักและเข้าใจคนจนและระบบทุนนิยมที่จะต้องอยู่ด้วยกันได้ รัฐบาลคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนนำทรัพย์สินที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเก่าผุ ๆ แผงลอยข้างถนน กระชังจับปลา มาแปลงเป็นสินทรัพย์ให้ได้ รัฐบาลต้องการทำให้คนจนมีทรัพย์สิน เพื่อนำไปแปลงเป็นสินทรัพย์ และนำเงินมาประกอบอาชีพ
“รัฐบาลจึงต้องเร่งออกเอกสารสิทธิเพื่อนำมาแปลงเป็นสินทรัพย์ ถ้าประชาชนนำเงินที่ได้มาประกอบอาชีพก็จะหลุดพ้นจากความยากจน และสามารถอยู่ในเศรษฐกิจทุนนิยมได้ หากประชาชนมีสติ มีปัญญา ประเทศไทยไม่มีทางจน ตราบใดที่หญ้ายังเขียว ประเทศไทยก็ยังมีแสงสว่าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทางด้าน นายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวถึงแนวทางให้การช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยจากสึนามิว่า ธ.ก.ส.ได้จัดให้หนี้สินจำนวน 19.35 ล้านบาท ของเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. จำนวน 112 ราย แต่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิ เป็นหนี้สูญทั้งหมด และขยายเวลาการชำระหนี้ให้กับเกษตรกร 6,090 ราย ที่ยังมีชีวิตอยู่ และมีหนี้สินรวม 746.46 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2547–2549 โดยไม่คิดดอกเบี้ย
“นอกจากนี้ ยังขยายวงเงินกู้จำนวน 673 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกร 6,090 คนดังกล่าว กู้ไปลงทุนเพื่อฟื้นฟูในการประกอบอาชีพ โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี หลังจากเหตุการณ์สึนามิผ่านไป จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ธ.ก.ส.จ่ายเงินกู้ให้เกษตรกรไปแล้วรวม 170.75 ล้านบาท” นายธีรพงษ์ กล่าว