xs
xsm
sm
md
lg

“อสมท”ผนึกวิทยุ-ทีวี ดึงคน“สปา”คุมตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อสมท ดันวิทยุอีกรอบ หวังสร้างรายได้ครึ่งปีหลังมากกว่าครึ่งปีแรก ตั้งเป้าเติบโตทั้งปีเฉลี่ย 25% โฟกัสรายได้แต่ละคลื่นต้องไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน เผยอีก 3 คลื่นยังไม่ผ่านเกณฑ์รายได้ ดึง “เขมทัตต์ พลเดช” หัวเรือใหญ่เอเจนซี่สปา ร่วมทีม คุมตลาดทั้งวิทยุ ทีวี กิจกรรม งัดกลยุทธ์ผนึกพลังสื่อ พัฒนารายการวิทยุลงจอแก้ว ประเดิม 2 คลื่นหลัก

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อสมท ตั้งเป้าหมายที่จะให้ธุรกิจวิทยุในช่วงครึ่งปีหลังนี้มีการเติบโตสูงกว่าตลาดรวมและสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทฯ ด้วย และมั่นใจว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของวิทยุทั้งปีนี้จะมีไม่ต่ำกว่า 20-25% โดยบริษัทฯมีรายได้จากวิทยุช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ 251 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันที่มี 215 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรกปีนี้วิทยุมีรายได้ 105 ล้านบาท เพิ่มเป็น 146 ล้านบาทในไตรมาสที่สอง หรือเติบโต 39% ซึ่งถือว่าเป็นการบริหารที่ประสบความสำเร็จหลังจากที่อสมท นำคลื่นกลับมาบริหารเองตั้งแต่ต้นปีนี้ ขณะที่ตลาดรวมวิทยุครึ่งปีแรกนี้ติดลบ 6%

ความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นมาจากการที่ อสมท ได้ปรับบุคลิกให้กับแต่ละคลื่นมีความชัดเจนในการนำเสนอทั้งการหาโฆษณาและกลุ่มผู้ฟัง คือ 95 เป็นคลื่นลูกทุ่งมหานคร เปิดเพลงลูกทุ่ง, 96.5 เป็นคลื่นความคิด, 97.5 เป็นคลื่นซีด เปิดเพลงเกี่ยวกับวัยรุ่น, 99 เป็นคลื่นเมืองไทยแข็งแรง เกี่ยวกับ สุขภาพ ร่างกาย กีฬา ท่องเที่ยว, 100.5 เป็นคลื่นสถานีข่าวสาร สาระ, 107 เป็นคลื่นที่เปิดเพลงสากลย้อนยุค ซึ่งทำให้สามารถจับกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันชัดเจน

ทั้งนี้อสมท มีแผนที่จะเพิ่มรายได้ของคลื่นทั้ง 6 คลื่นที่บริหารอยู่เวลานี้ให้มีรายได้ที่ค่าเฉลี่ยประมาณ 10 ล้านบาทต่อคลื่นต่อเดือน ซึ่งมากกว่าเมื่อครั้งที่ให้สัมปทานและเก็บค่าเช่าได้ค่าเฉลี่ยแค่ 2 ล้านบาทต่อคลื่นต่อเดือนเท่านั้น โดยปัจจุบันนี้บางคลื่นก็ยังมีรายได้ต่ำอยู่ ส่วนบางคลื่นก็มีรายได้ที่สูงกว่านี้ กล่าวคือ 1.คลื่นลูกทุ่งมหานคร 95 รายได้ 10 ล้านบาทต่อเดือน 2.คลื่น ซีด 97.5 มีรายได้ 8 ล้านบาทต่อเดือน 3.คลื่นข่าว 100.5 มีรายได้ประมาณ 12-14 ล้านบาทต่อเดือน

ขณะที่อีก 3 คลื่นนั้นแม้ว่าจะยังมีจำนวนผู้ฟังมากก็ตาม แต่ในแง่รายได้ยังต่ำกว่า 3 สถานีข้างต้นแต่ก็ยังสูงกว่าในอดีตที่ให้สัมปทานเอกชน คือ 96.5 คลื่นความคิด 99 คลื่นเมืองไทยแข็งแรง และ 107 คลื่นเมโทรโปลิส ซึ่งมีรายได้เฉลี่ย 5 ล้านบาทต่อเดือนต่อคลื่น สาเหตุหลักมาจากการที่ยังไม่มีนายสถานีที่เข้ามาบริหารจัดการที่เต็มตัว ต่างจาก 3 คลื่นเบื้องต้นที่มี “ตุ้ย”-ธีรภัทร สัจจกุล นายสถานี 97.5 , “จิ้ง”-วาสุ เลิศจรรยา นายสถานีคลื่นลูกทุ่ง เป็นต้น

นายมิ่งขวัญ    กล่าวด้วยว่า ยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ธุรกิจวิทยุเติบโตมากขึ้นนั้น 1.ต้องทำวิทยุใน กทม. ทั้ง 6 คลื่นให้แข็งแรงด้วยการตลาด 2.ต้องเน้นด้านกิจกรรมการตลาดเข้ามาเสริม 3.ต้องปรับคลื่นที่ยังไม่แข็งแรงให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เริ่มดำเนินการมาบ้างแล้ว เช่น การพัฒนาคลื่นวิทยุของอสมท จำนวน 3 คลื่น คือ 95, 97.5 และ 100.5 ให้สามารถออกอากาศผ่านดาวเทียมได้ทั่วประเทศ จึงทำให้มีฐานผู้ฟังมากขึ้น พร้อมกับการปรับค่าโฆษณาขึ้นโดยมีสปอตที่สุงที่สุดคือ 8,000 บาท

ล่าสุดบริษัทฯได้ดึงตัว นายเขมทัตต์ พลเดช อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด เข้ามารับตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด ดูแลการตลาด ควบทั้งวิทยุและโทรทัศน์และกิจกรรม ร่วมกับนายศุทธิชัย บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุ ที่ดูแลด้านการตลาดของวิทยุอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน ยังได้ทำการผนึกพลังทางด้านสื่อเข้าด้วยกัน (Media Synergy) คือ สื่อทีวีและวิทยุ เพื่อเพิ่มศักยภาพและเพิ่มฐานผู้ฟังวิทยุให้มากขึ้น คือ การนำเอาการจัดอันดับเพลง 20 อันดับยอดนิยม ของทั้ง 2 คลื่นคือ ซีดเอฟเอ็มกับคลื่นลูกทุ่งมหานคร มานำเสนอเป็นรายการทางโทรทัศน์ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 กันยายนศกนี้ คือ รายการ SEED TV ออกอากาศทุกวันอาทิตย์เวลา 23.05-23.30 น. และรายการลูกทุ่งมหานครออนทีวี ทุกวันอาทิตย์เวลา 23.30-24.00 น.

เนื้อหาในรายการทีวีนี้จะมีทั้งการรายงานผล 20 เพลงยอดนิยม ซึ่งมาจากการโหวตผ่านเอสเอ็มเอสของผู้ฟัง ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า แต่ละคลื่นมีผู้ส่งเอสเอ็มเอสมาขอเพลงเฉลี่ย 300 ครั้งต่อวันต่อสถานี บางคลื่นมากกว่านี้เช่น คลื่น ซีดเอฟเอ็ม ประมาณ 800-1,200 ครั้งต่อวัน และเมื่อออกอากาศทั่วประเทศแล้วเพิ่มเป็น 10,000 กว่าครั้งต่อวัน นอกนั้นก็เป็นข่าวคราวแวดวงเพลง

“อนาคตเป็นไปได้ว่าอาจจะทำทุกคลื่นเป็นรายการทีวี แต่ขอเวลาทดลอง 2 คลื่นนี้ก่อนว่าเป็นอย่างไร เราทำตรงนี้เพราะว่า ทีวีเป็นสื่อที่แมสทั่วประเทศอยู่แล้ว แต่วิทยุนั้นแค่กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งตอนนี้เราทำเป็นชั่นไวด์แล้วแต่ก็แค่ 3 คลื่น เมื่อเอาทีวีมาช่วยวิทยุก็จะทำให้ฐานผู้ฟังของวิทยุเพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งยังทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย”

นายมิ่งขวัญกล่าวถึงโครงการทัวร์ริสต์แชนแนลหรือสถานีโทรทัศน์ท่องเที่ยวด้วยว่า เรื่องนี้ต้องไปถามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขณะนี้รายละเอียดอยู่ที่ ททท. ซึ่งงบประมาณ 100 ล้านบาท ทางคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติมาแล้ว อยู่ระหว่างการทำเรื่องเบิกจ่ายจากทางกระทรวงการคลังกับสภาพัฒน์ฯ

ส่วนกรณีของผังรายการทีวีใหม่นั้น ในเร็วๆนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการผังรายการ เพื่อพิจารณาถึงรายการใหม่ของเฟสที่ 7 ที่ยังคงเน้นคอนเซ็ปท์ สังคมอุดมปัญญา เหมือนเดิมโดยเน้นความบันเทิงบนสาระ คาดว่าประมาณปลายปีจะสรุปได้
กำลังโหลดความคิดเห็น