สหยูเนี่ยน ลดความเสี่ยงธุรกิจกลุ่มรองเท้ากีฬา “ดีแมค” หลังเจอมรสุมสินค้าอินเตอร์แบรนด์อาศัยเขตการค้าเสรีอาฟต้า 2 ปี ถล่ม 6 แบรนด์รวด เร่งขยายไลน์สินค้ากลุ่มรองเท้าเด็ก-ผู้หญิง อาศัยความหลากหลายรักษาการเติบโต 35% สิ้นปีกวาดรายได้ 135 ล้านบาท
นายชณา วสุวัต ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท สหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าตราดีแมค เปิดเผยว่า จากแนวโน้มตลาดรองเท้ากีฬาที่มีอัตราการเติบโตสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพและมีการออกกำลังกายกันมากขึ้น โดยปีนี้คาดว่าตลาดรองเท้ากีฬาจะเติบโตถึง 10% จากมูลค่าตลาดรวม 3,000 ล้านบาท ส่งผลให้แนวโน้มการแข่งขันรองเท้ากีฬาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ สินค้าอินเตอร์แบรนด์อาศัยเขตเสรีการค้าอาฟต้า ฯลฯ เข้ามาทำตลาดในไทยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5-6 แบรนด์
ขณะนี้ธุรกิจกลุ่มรองเท้าดีแมค หนึ่งในธุรกิจของสหยูเนี่ยน ซึ่งมีรายได้คิดเป็น 15% ของรายได้รวม 20,000-30,000 ล้านบาท เริ่มได้รับผลกระทบดังกล่าว โดยในปีที่ผ่านมากลุ่มรองเท้าดีแมคมีอัตราการเติบโต 37% แต่ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ 35% เท่านั้น ทำให้บริษัทต้องขยายไลน์รองเท้าไปสู่แคธิกอรี่ใหม่ จากก่อนหน้านี้บริษัทจะมีกลุ่มรองเท้ากีฬาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้มีความหลากหลายของไลน์สินค้ามากขึ้น
ล่าสุดบริษัทได้ขยายไลน์รองเท้ากลุ่มเด็ก และกลุ่มผู้หญิงจะเป็นสไตล์ลำลอง เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 30-40 ปี ซึ่งช่วงแรกมีเพียง 2 โมเดลเท่านั้นเพื่อทดลองตลาดก่อน โดยในเบื้องต้นจะวางจำหน่ายรองเท้ากลุ่มผู้หญิงตามจุดจำหน่ายแผนกรองเท้ากีฬาดีแมค และเทรดิชันนัลเทรด 130 แห่งช่วงเดือนกันยายนนี้ทั่วประเทศก่อน ส่วนรองเท้าเด็กได้วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าทุกสาขาแล้ว โดยงบตลาดกลุ่มรองเท้าดีแมคปีนี้ไว้ที่ 25 ล้านบาท
“ที่ผ่านมาเราเน้นทำตลาดรองเท้ากีฬาอย่างเดียวมาโดยตลอด เป้าหมายการรุกตลาดรองเท้าเด็กและผู้หญิง จะช่วยผลักดันให้ปีนี้บริษัทมีอัตราการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 35% โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากกลุ่มรองเท้าเด็ก 20% กลุ่มรองเท้าผู้หญิง 10% และกลุ่มรองเท้ากีฬา 70% ขณะที่กลุ่มรองเท้าวัยรุ่นบริษัทยังไม่มีแผนที่จะขยายในกลุ่มนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่นิยมสินค้าอินเตอร์แบรนด์”
นายชณา กล่าวว่า ต้นทุนการผลิตรองเท้าได้ปรับเพิ่มขึ้น 12-13% หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วัตถุดิบการผลิต โดยเฉพาะพื้นยางรองเท้ามีราคาเพิ่มขึ้น โดยบริษัทไม่สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ ทำได้เพียงแต่ควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆไม่ให้สูงขึ้นเท่านั้น ล่าสุดนโยบายของบริษัทได้เตรียมปรับราคาสินค้าที่ออกใหม่เพิ่มขึ้น 10 % ในขณะที่สินค้าเก่าจำหน่ายในราคาเดิม สำหรับผลประกอบการปีนี้เฉพาะกลุ่มรองเท้าดีแมคตั้งเป้า 135 ล้านบาท และหากรวมการรับจ้างผลิตแล้ว 3,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมากลุ่มดีแมคมีรายได้ 100 ล้านบาท
นายชณา วสุวัต ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท สหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าตราดีแมค เปิดเผยว่า จากแนวโน้มตลาดรองเท้ากีฬาที่มีอัตราการเติบโตสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพและมีการออกกำลังกายกันมากขึ้น โดยปีนี้คาดว่าตลาดรองเท้ากีฬาจะเติบโตถึง 10% จากมูลค่าตลาดรวม 3,000 ล้านบาท ส่งผลให้แนวโน้มการแข่งขันรองเท้ากีฬาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ สินค้าอินเตอร์แบรนด์อาศัยเขตเสรีการค้าอาฟต้า ฯลฯ เข้ามาทำตลาดในไทยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5-6 แบรนด์
ขณะนี้ธุรกิจกลุ่มรองเท้าดีแมค หนึ่งในธุรกิจของสหยูเนี่ยน ซึ่งมีรายได้คิดเป็น 15% ของรายได้รวม 20,000-30,000 ล้านบาท เริ่มได้รับผลกระทบดังกล่าว โดยในปีที่ผ่านมากลุ่มรองเท้าดีแมคมีอัตราการเติบโต 37% แต่ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ 35% เท่านั้น ทำให้บริษัทต้องขยายไลน์รองเท้าไปสู่แคธิกอรี่ใหม่ จากก่อนหน้านี้บริษัทจะมีกลุ่มรองเท้ากีฬาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้มีความหลากหลายของไลน์สินค้ามากขึ้น
ล่าสุดบริษัทได้ขยายไลน์รองเท้ากลุ่มเด็ก และกลุ่มผู้หญิงจะเป็นสไตล์ลำลอง เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 30-40 ปี ซึ่งช่วงแรกมีเพียง 2 โมเดลเท่านั้นเพื่อทดลองตลาดก่อน โดยในเบื้องต้นจะวางจำหน่ายรองเท้ากลุ่มผู้หญิงตามจุดจำหน่ายแผนกรองเท้ากีฬาดีแมค และเทรดิชันนัลเทรด 130 แห่งช่วงเดือนกันยายนนี้ทั่วประเทศก่อน ส่วนรองเท้าเด็กได้วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าทุกสาขาแล้ว โดยงบตลาดกลุ่มรองเท้าดีแมคปีนี้ไว้ที่ 25 ล้านบาท
“ที่ผ่านมาเราเน้นทำตลาดรองเท้ากีฬาอย่างเดียวมาโดยตลอด เป้าหมายการรุกตลาดรองเท้าเด็กและผู้หญิง จะช่วยผลักดันให้ปีนี้บริษัทมีอัตราการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 35% โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากกลุ่มรองเท้าเด็ก 20% กลุ่มรองเท้าผู้หญิง 10% และกลุ่มรองเท้ากีฬา 70% ขณะที่กลุ่มรองเท้าวัยรุ่นบริษัทยังไม่มีแผนที่จะขยายในกลุ่มนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่นิยมสินค้าอินเตอร์แบรนด์”
นายชณา กล่าวว่า ต้นทุนการผลิตรองเท้าได้ปรับเพิ่มขึ้น 12-13% หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วัตถุดิบการผลิต โดยเฉพาะพื้นยางรองเท้ามีราคาเพิ่มขึ้น โดยบริษัทไม่สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ ทำได้เพียงแต่ควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆไม่ให้สูงขึ้นเท่านั้น ล่าสุดนโยบายของบริษัทได้เตรียมปรับราคาสินค้าที่ออกใหม่เพิ่มขึ้น 10 % ในขณะที่สินค้าเก่าจำหน่ายในราคาเดิม สำหรับผลประกอบการปีนี้เฉพาะกลุ่มรองเท้าดีแมคตั้งเป้า 135 ล้านบาท และหากรวมการรับจ้างผลิตแล้ว 3,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมากลุ่มดีแมคมีรายได้ 100 ล้านบาท