ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะรัฐบาลส่งเสริมการวิจัยเพาะพันธุ์ปลาสวยงามในเชิงพาณิชย์ และเร่งอนุญาตให้ส่งออกปลาสวยงามได้ เพราะเป็นธุรกิจที่มีช่องทางเติบโตสูง โดยมีมูลค่าจำหน่ายในประเทศปีละ 50 ล้านบาท และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก หลังจากมีการต่อต้านจากนักอนุรักษ์ในการเลี้ยงปลาธรรมชาติ
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดปลาทะเลสวยงามในประเทศไทยมีร้านค้าที่จำหน่ายปลาทะเลสวยงามและสัตว์ทะเลอื่นๆ ประมาณ 60 ร้าน มูลค่าจำหน่ายเฉลี่ยปีละประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งเกือบทั้งหมดนั้นจับมาจากธรรมชาติ และมีการนำเข้าบางส่วนเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ คาดว่ามูลค่าการนำเข้าเฉลี่ยปีละประมาณ 25 ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้นำเข้า 15 ราย แต่ละรายมีมูลค่าการนำเข้าเกือบ 500,000 บาทต่อปี มูลค่าการค้าปลาทะเลสวยงามทั้งหมดในไทยคาดว่าเป็นมูลค่าการค้าปลาการ์ตูนประมาณ 12 ล้านบาท หรือร้อยละ 24 ของมูลค่าจำหน่ายทั้งหมด คาดว่าความต้องการปลาการ์ตูนในประเทศไทยสูงถึงประมาณ 240,000 ตัวต่อปี ซึ่งในปัจจุบันปริมาณปลาการ์ตูนยังไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ ทำให้ต้องมีการนำเข้ามูลค่าประมาณ 2-3 ล้านบาท
ดังนั้น ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่เริ่มศึกษาการเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูนมาตั้งแต่ปี 2544 และในปัจจุบันสามารถเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูนได้ 9 ชนิด 10 สายพันธุ์ ซึ่งแม้ว่าจะประสบความสำเร็จในการศึกษาและเพาะพันธุ์ปลาทะเลสวยงาม และสามารถจำหน่ายลูกพันธุ์ปลาการ์ตูนได้แล้ว รวมทั้งยังสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงให้กับเกษตรกรสามารถเพาะพันธุ์จำหน่ายได้ แต่ในปัจจุบันยังไม่อนุญาตให้มีการส่งออกปลาทะเลสวยงาม ซึ่งนับว่าเป็นอุปสรรคสำคัญของเกษตรกรที่จะเข้ามาลงทุนเพาะเลี้ยงปลาทะเลสวยงามในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากตลาดจำกัดอยู่เฉพาะในประเทศเท่านั้น
ดังนั้น การส่งเสริมธุรกิจการเพาะเลี้ยงปลาสวยงามในเชิงพาณิชย์นั้น ต้องเริ่มจากการที่หน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาอนุญาตให้ส่งออกปลาทะเลสวยงามเฉพาะที่ได้จากการเพาะพันธุ์ และมาจากฟาร์มที่จดทะเบียนฟาร์มอย่างถูกต้อง ซึ่งถ้าหน่วยงานของรัฐบาลเข้ามาแก้ไขอุปสรรคในประเด็นนี้จะเป็นการส่งเสริมธุรกิจปลาทะเลสวยงามของไทย เนื่องจากปัจจุบันปลาทะเลสวยงามที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์นั้น เริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดโลกมากกว่าปลาทะเลสวยงามที่จับได้จากธรรมชาติ ซึ่งไทยมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกปลาทะเลสวยงามที่สำคัญในตลาดโลกได้เช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จในการส่งออกปลาสวยงามประเภทปลาน้ำจืด เนื่องจากธุรกิจการค้าปลาทะเลสวยงามในระยะที่ผ่านมาเป็นการค้าปลาที่จับได้จากธรรมชาติ ซึ่งได้รับแรงต่อต้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากบรรดาองค์กรและนักอนุรักษ์ธรรมชาติและสภาพแวดล้อม
ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการส่งเสริมการวิจัยเพื่อเพาะพันธุ์ปลาทะเลสวยงามประเภทอื่นๆ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูน และแก้ไขอุปสรรคในเรื่องการส่งออก โดยอนุญาตให้มีการส่งออกปลาทะเลสวยงามที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์และจากฟาร์มที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจการค้าและการส่งออกปลาทะเลสวยงามเป็นธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจอย่างมาก
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดปลาทะเลสวยงามในประเทศไทยมีร้านค้าที่จำหน่ายปลาทะเลสวยงามและสัตว์ทะเลอื่นๆ ประมาณ 60 ร้าน มูลค่าจำหน่ายเฉลี่ยปีละประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งเกือบทั้งหมดนั้นจับมาจากธรรมชาติ และมีการนำเข้าบางส่วนเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ คาดว่ามูลค่าการนำเข้าเฉลี่ยปีละประมาณ 25 ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้นำเข้า 15 ราย แต่ละรายมีมูลค่าการนำเข้าเกือบ 500,000 บาทต่อปี มูลค่าการค้าปลาทะเลสวยงามทั้งหมดในไทยคาดว่าเป็นมูลค่าการค้าปลาการ์ตูนประมาณ 12 ล้านบาท หรือร้อยละ 24 ของมูลค่าจำหน่ายทั้งหมด คาดว่าความต้องการปลาการ์ตูนในประเทศไทยสูงถึงประมาณ 240,000 ตัวต่อปี ซึ่งในปัจจุบันปริมาณปลาการ์ตูนยังไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ ทำให้ต้องมีการนำเข้ามูลค่าประมาณ 2-3 ล้านบาท
ดังนั้น ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่เริ่มศึกษาการเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูนมาตั้งแต่ปี 2544 และในปัจจุบันสามารถเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูนได้ 9 ชนิด 10 สายพันธุ์ ซึ่งแม้ว่าจะประสบความสำเร็จในการศึกษาและเพาะพันธุ์ปลาทะเลสวยงาม และสามารถจำหน่ายลูกพันธุ์ปลาการ์ตูนได้แล้ว รวมทั้งยังสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงให้กับเกษตรกรสามารถเพาะพันธุ์จำหน่ายได้ แต่ในปัจจุบันยังไม่อนุญาตให้มีการส่งออกปลาทะเลสวยงาม ซึ่งนับว่าเป็นอุปสรรคสำคัญของเกษตรกรที่จะเข้ามาลงทุนเพาะเลี้ยงปลาทะเลสวยงามในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากตลาดจำกัดอยู่เฉพาะในประเทศเท่านั้น
ดังนั้น การส่งเสริมธุรกิจการเพาะเลี้ยงปลาสวยงามในเชิงพาณิชย์นั้น ต้องเริ่มจากการที่หน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาอนุญาตให้ส่งออกปลาทะเลสวยงามเฉพาะที่ได้จากการเพาะพันธุ์ และมาจากฟาร์มที่จดทะเบียนฟาร์มอย่างถูกต้อง ซึ่งถ้าหน่วยงานของรัฐบาลเข้ามาแก้ไขอุปสรรคในประเด็นนี้จะเป็นการส่งเสริมธุรกิจปลาทะเลสวยงามของไทย เนื่องจากปัจจุบันปลาทะเลสวยงามที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์นั้น เริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดโลกมากกว่าปลาทะเลสวยงามที่จับได้จากธรรมชาติ ซึ่งไทยมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกปลาทะเลสวยงามที่สำคัญในตลาดโลกได้เช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จในการส่งออกปลาสวยงามประเภทปลาน้ำจืด เนื่องจากธุรกิจการค้าปลาทะเลสวยงามในระยะที่ผ่านมาเป็นการค้าปลาที่จับได้จากธรรมชาติ ซึ่งได้รับแรงต่อต้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากบรรดาองค์กรและนักอนุรักษ์ธรรมชาติและสภาพแวดล้อม
ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการส่งเสริมการวิจัยเพื่อเพาะพันธุ์ปลาทะเลสวยงามประเภทอื่นๆ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูน และแก้ไขอุปสรรคในเรื่องการส่งออก โดยอนุญาตให้มีการส่งออกปลาทะเลสวยงามที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์และจากฟาร์มที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจการค้าและการส่งออกปลาทะเลสวยงามเป็นธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจอย่างมาก