“พล็อต แอนด์ แพลน” สบช่องเศรษฐกิจชะลอตัว ทุ่ม 10 ล้านบาท เปิดตัวเครื่องสำอางสมุนไพรน้องใหม่”เบลล่า เบลล่า”เจาะกลุ่มระดับล่าง รับกำลังการซื้อสาวไทยหด พร้อมคลอดระบบสมาชิกกระทุ้งยอดขายแฟรนไชส์ โอดครึ่งปีแรกพลาดเป้า 15% ส่วนสิ้นปีกวาด 800 ล้านบาท
นางวิภารดี ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พล็อต แอนด์ แพลน จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางสมุนไพรเบลล่า นีน่า เปิดเผยว่า บริษัทได้แตกแบรนด์เครื่องสำอางสมุนไพร”เบลล่า เบลล่า”ลงสู่ตลาดเดือนสิงหาคม นี้ เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับล่างและตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก โดยราคาเริ่มต้น80-200 บาท ทั้งนี้เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม จากปัจจุบันเครื่องสำอางของบริษัท ประกอบด้วย แบรนด์เบลลา นีนา และเดอะลีฟ จะอยู่ในระดับไฮเอนด์เป็นหลัก
อีกทั้งการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ยังเพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว กำลังการซื้อของคนลดลง โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เครื่องสำอางเบลล่า นีน่า และเดอะลีฟยอดขายทรงตัว ทำให้บริษัทต้องลดจำนวนเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง”เดอะลีฟ”ลง 2-3 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ต หาดใหญ่ และในปริมณฑลลง เนื่องจากเป็นสาขาที่ไม่สร้างรายได้ ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ รายได้ของบริษัทต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% หรือมีรายได้ 340 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้า 400 ล้านบาท ขณะที่รายได้สิ้นปีตั้งเป้าเท่ากับปีที่ผ่านมา 800 ล้านบาท
แผนการทำตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายให้ได้ตามเป้า ในปีนี้บริษัทได้เปิดระบบสมาชิก เพื่อให้ผู้ที่ทำแฟรนไชส์ซึ่งคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมี 30 แห่ง และปีหน้าเพิ่มเป็น 35-36 แห่ง ขยายฐานลูกค้าด้วยตนเอง โดยมีเงื่อนไขสมัครเป็นสมาชิก 300 บาท รับส่วนลด 20% ทั้งนี้คาดว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะเพิ่มจำนวนสมาชิก 30,000-50,000 รายในสิ้นปีนี้ และยอดขายต่อบิลต่อแฟรนไชส์โต 100% หรือจาก 1 แสนบาท เพิ่มเป็น 5 แสนบาท
ขณะเดียวกัน ยังได้จัดทีมขาย13ทีม รวมทั้งส่งทีมเวิร์กชอป 2 ทีม ซึ่งบริษัทได้ทุ่มงบ 2 ล้านบาท สั่งเครื่องตรวจสภาพผิวหน้า รวมทั้งบริษัทยังได้เร่งขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านไปพม่า เวียดนาม รวมทั้งตะวันออกกลาง อเมริกา และอินเดีย เป็นต้น หลังจากก่อนหน้านี้ส่งออกไปยังญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ มีรายได้ 10-12% จากรายได้รวม และล่าสุดผู้ประกอบการในญี่ปุ่นได้ซื้อแฟรนไชส์ และกำลังจะเปิดที่เมืองโตเกียวและนาโกยาในปีหน้า
สำหรับการทำตลาด ”เบลล่า เบลล่า” ปีนี้ใช้งบ 10 ล้านบาท จากงบการตลาดรวม 30 ล้านบาท ในช่วงแรกมี 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย เจลล้างหน้า,โทนเนอร์ปรับผิว,ครีมผิวไร้ฝ้าและเจลลอกฝ้าหน้า ปูพรมด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์ โดยตั้งเป้ายอดขายเฉพาะเบลลา เบลลา 200-300 ล้านบาท
“อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายเครื่องสำอางโดยรวมของบริษัทจะโตเติบน้อยลง แต่เชื่อว่าแนวโน้มตลาดเครื่องสำอางสมุนไพรไทยมูลค่า 7,000-8,000 ล้านบาทในปีนี้ ยังคงเติบโตได้ดี เนื่องจากกระแสสุขภาพที่มาแรง ทำให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น”
นางวิภารดี ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พล็อต แอนด์ แพลน จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางสมุนไพรเบลล่า นีน่า เปิดเผยว่า บริษัทได้แตกแบรนด์เครื่องสำอางสมุนไพร”เบลล่า เบลล่า”ลงสู่ตลาดเดือนสิงหาคม นี้ เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับล่างและตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก โดยราคาเริ่มต้น80-200 บาท ทั้งนี้เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม จากปัจจุบันเครื่องสำอางของบริษัท ประกอบด้วย แบรนด์เบลลา นีนา และเดอะลีฟ จะอยู่ในระดับไฮเอนด์เป็นหลัก
อีกทั้งการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ยังเพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว กำลังการซื้อของคนลดลง โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เครื่องสำอางเบลล่า นีน่า และเดอะลีฟยอดขายทรงตัว ทำให้บริษัทต้องลดจำนวนเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง”เดอะลีฟ”ลง 2-3 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ต หาดใหญ่ และในปริมณฑลลง เนื่องจากเป็นสาขาที่ไม่สร้างรายได้ ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ รายได้ของบริษัทต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% หรือมีรายได้ 340 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้า 400 ล้านบาท ขณะที่รายได้สิ้นปีตั้งเป้าเท่ากับปีที่ผ่านมา 800 ล้านบาท
แผนการทำตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายให้ได้ตามเป้า ในปีนี้บริษัทได้เปิดระบบสมาชิก เพื่อให้ผู้ที่ทำแฟรนไชส์ซึ่งคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมี 30 แห่ง และปีหน้าเพิ่มเป็น 35-36 แห่ง ขยายฐานลูกค้าด้วยตนเอง โดยมีเงื่อนไขสมัครเป็นสมาชิก 300 บาท รับส่วนลด 20% ทั้งนี้คาดว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะเพิ่มจำนวนสมาชิก 30,000-50,000 รายในสิ้นปีนี้ และยอดขายต่อบิลต่อแฟรนไชส์โต 100% หรือจาก 1 แสนบาท เพิ่มเป็น 5 แสนบาท
ขณะเดียวกัน ยังได้จัดทีมขาย13ทีม รวมทั้งส่งทีมเวิร์กชอป 2 ทีม ซึ่งบริษัทได้ทุ่มงบ 2 ล้านบาท สั่งเครื่องตรวจสภาพผิวหน้า รวมทั้งบริษัทยังได้เร่งขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านไปพม่า เวียดนาม รวมทั้งตะวันออกกลาง อเมริกา และอินเดีย เป็นต้น หลังจากก่อนหน้านี้ส่งออกไปยังญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ มีรายได้ 10-12% จากรายได้รวม และล่าสุดผู้ประกอบการในญี่ปุ่นได้ซื้อแฟรนไชส์ และกำลังจะเปิดที่เมืองโตเกียวและนาโกยาในปีหน้า
สำหรับการทำตลาด ”เบลล่า เบลล่า” ปีนี้ใช้งบ 10 ล้านบาท จากงบการตลาดรวม 30 ล้านบาท ในช่วงแรกมี 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย เจลล้างหน้า,โทนเนอร์ปรับผิว,ครีมผิวไร้ฝ้าและเจลลอกฝ้าหน้า ปูพรมด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์ โดยตั้งเป้ายอดขายเฉพาะเบลลา เบลลา 200-300 ล้านบาท
“อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายเครื่องสำอางโดยรวมของบริษัทจะโตเติบน้อยลง แต่เชื่อว่าแนวโน้มตลาดเครื่องสำอางสมุนไพรไทยมูลค่า 7,000-8,000 ล้านบาทในปีนี้ ยังคงเติบโตได้ดี เนื่องจากกระแสสุขภาพที่มาแรง ทำให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น”