xs
xsm
sm
md
lg

บทม.ยันดูแลปัญหาผ้าใบสุวรรณภูมิอย่างใกล้ชิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้บริหาร บทม. โต้ข้อมูลพรรคประชาธิปัตย์ กรณีเพิกเฉยไม่แก้ปัญหา หลังคาผ้าใบอาคารเทียบเครื่องบินสนามบินสุวรรณภูมิไม่เป็นตามสเปก พร้อมยืนยันได้แก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง และได้งดจ่ายเงินในการรับมอบงานให้แก่ผู้รับเหมาไปแล้วตั้งแต่เดือน ก.ค. 47

นายสมชัย สวัสดีผล
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ในฐานะผู้อำนวยการบริหารการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ออกมากล่าวหาว่าผ้าใบหลังคาอาคารเทียบเครื่องบินสนามบินสุวรรณภูมิใช้วัสดุที่ไม่เป็นตามคุณสมบัติ หรือสเปกของการออกแบบว่า หลังจากที่บริษัท ท่าอากาศยานกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) ได้มีการรับรองแบบที่เมอร์ฟี่ จาน แทมแอค หรือเอ็มเจทีเอ ได้ทำไว้ตั้งแต่ปี 2544 ในวงเงินงบประมาณรวม 1,290 ล้านบาท คิดเป็นเนื้อที่ผ้าใบที่ต้องใช้กว่า 370,000 ตารางเมตร

โดยคุณสมบัติของผ้าใบอาคารเทียบเครื่องบินสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ชั้น โดยชั้นนอกเป็นผ้าใบที่เคลือบด้วยสารเทปล่อนที่มีความหนา 1 มิลลิเมตร หรือเท่ากับนามบัตรทับกัน 2 ใบ ซึ่งคุณสมบัติมีผิวมันกันน้ำกันความร้อนและรังสียูวี ในขณะที่ชั้น 2 ที่เรียกว่า “บัฟเฟอร์ เลเยอร์” เป็นวัสดุที่ผลิตจากโพลีคาร์บอเนต ที่คล้ายพลาสติกมีลักษณะใสแสงสามารถลอดผ่านได้ แต่เสียงสามารถผ่านได้น้อยมากมีความหนา 6 มิลลิเมตร ซึ่งในทางเทคนิคมีความแข็งแรงทนทาน เมื่อนำมาประกบกัน 2 ชิ้น แม้แต่ปืนขนาด .22 ยังไม่สามารถยิงให้ทะลุผ่านได้ ซึ่งคุณสมบัติของวัสดุทั้ง 2 ส่วนเป็นไปตามสเปกออกแบบ

โดยในส่วนที่มีปัญหานั้นและพรรคประชาธิปัตย์หยิบยกมากล่าวถึงคือวัสดุชั้นในที่เรียกว่าอินเนอร์เลเยอร์ ที่เคลือบด้วยสารเทปล่อน สารโลยี ซึ่งเป็นสารที่ผสมผสานระหว่างอะลูมินั่มกับซิลเวอร์ไนเตรด มีสีคล้ายวัสดุที่ผลิตจากไทยทาเนียม โดยหลังจากที่มีการออกแบบเสร็จ ปรากฏว่า ไม่สามารถจัดซื้อวัสดุที่มีคุณสมบัติตามสเปกออกแบบไว้ได้ ถามผู้รับเหมาโครงการจึงได้มีการจัดหาวัสดุทดแทน ซึ่งท้ายที่สุดเอ็มเจทีเอ ในฐานะผู้ออกแบบได้มีการรับรองวัสดุดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม บทม.ไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีการนำคุณสมบัติของวัสดุทดแทนนี้ไปขอความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ และเมื่อมีการนำเข้าวัสดุชิ้นนี้เข้ามาในประเทศและมีการทดลองติดตั้ง ปรากฏว่า การยืดหดตัวและการผ่านของแสงไม่ได้ตามคุณสมบัติ บทม. และผู้ออกแบบจึงได้ปฏิเสธที่จะรับมอบวัสดุดังกล่าวไปถึง 2 ครั้ง และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการรับมอบงานติดตั้งวัสดุดังกล่าวแต่อย่างใด โดย บทม.ได้หยุดจ่ายเงินในการจัดซื้อวัสดุส่วนนี้ไปตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2547 คิดเป็นวงเงิน 374 ล้านบาท ทำให้การจ่ายเงินค่าจัดซื้อวัสดุหลังคาทั้ง 3 ชั้นมีการจ่ายจริงเพียงแค่ 916 ล้านบาทของวงเงินรวม 1,290 ล้านบาทเท่านั้น

“ยืนยันว่า การดำเนินการทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าฝ่ายบริหารโครงการของ บทม.ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาดังกล่าวตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหา” นายสมชัย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น