เอเวียง เบนเข็มเจาะกลุ่มคนไทยลดความเสี่ยง หลังคลื่นยักษ์สึนามิถล่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดกระทบยอดขายหด 20% อิงกระแสสุขภาพเปิดตัวแคมเปญ” เดย์ลี่ ดีทอค วิธ เอเวียน” สิ้นปีหวังแชร์เพิ่มไม่ต่ำกว่า 2-3%
นายมรุต ชมพูทีป ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ดาน่อน อิมปอร์ต วอเตอร์ (เอเชีย) พีทีอี จำกัด ผู้นำเข้าน้ำแร่เอเวียงจากประเทศฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯปรับแผนการทำตลาดใหม่ โดยหันมาเจาะผู้บริโภคคนไทยมากขึ้น จากปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายของน้ำแร่เอเวียงส่วนใหญ่ จะเป็นกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในไทย แต่เนื่องจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมาช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ยอดขายน้ำแร่เอเวียงโดยรวมลดลงไป 20% เพราะยอดขายตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่างในจังหวัดภูเก็ตลดลง 50%
ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ” เดย์ลี่ ดีทอค วิธ เอเวียง” หรือการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพด้วยการล้างพิษกำจัดของเสียออกจากร่างกายด้วยการดื่มน้ำแร่บริสุทธิ์ธรรมชาติเอเวียง ซึ่งถือเป็นโปรแกรมที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะในหมู่ดาราฮอลิวู้ด เช่น คาเมรอน ดิแอซ, มาดอนน่า, เดมี่ มัวร์ และคลอเดีย ชิฟเฟอร์ ซึ่งภายหลังจากที่บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญดังกล่าวคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะทำกิจกรรมทางการตลาด เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์สินค้าผ่านบูธตามซูเปอร์มาร์เก็ตและสำนักงานต่างๆ เพื่อให้แบรนด์น้ำแร่เอเวียงให้เป็นที่รู้จักมากในกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการทำตลาด เนื่องจากราคาน้ำแร่เอเวียงมีราคาค่อนข้างสูงกว่าคู่แข่งถึง 5 เท่า
“เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ได้มีการปรับราคาน้ำแร่เอเวียงขึ้นมา10-15% เนื่องจากราคาน้ำมันปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ควบคู่ไปกับค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น ทำให้บริษัทฯไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ จึงต้องมีการปรับราคาน้ำแร่เอเวียงทุกขนาดขึ้นมา”นายมรุตกล่าว
สำหรับยอดขายน้ำแร่เอเวียงช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาเติบโต10% ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ที่ได้มายังคงมาจากลูกค้าต่างชาติ 80% คนไทย 20% ทั้งนี้ยอดขายส่วนใหญ่จะขายผ่านช่องทางโรงแรมและร้านอาหาร 60% ซูเปอร์มาร์เก็ต 40% ซึ่งภายหลังจากที่บริษัทได้มีการปรับแผนการทำตลาดคาดว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้าสัดส่วนกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติน่าจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 50:50
ผลประกอบการปีนี้บริษัทฯได้ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดน้ำแร่ธรรมชาติเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2-3% จากเดิมที่มีอยู่ที่ประมาณ 15-20% ของมูลค่าตลาดน้ำแร่ที่ขายในประเทศ 500 ล้านบาท แบ่งเป็นน้ำแร่นำเข้า 20% ผลิตในประเทศ 80%