xs
xsm
sm
md
lg

เซ็นทรัลมั่นใจ Watch Fair ปีนี้คึก ตลาดบนโตสูงเน้นสะสมเพิ่มมูลค่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ค่ายนาฬิกานับร้อยรวมตัวจัด Watch Fair 2005 ร่วมกับห้างเซ็นทรัล ชิดลม เผยเชื่อมั่นตลาดระดับบนไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน คาด 18 วันจัดงานทำยอดขายตลาดนาฬิกาหรูคึก 430 ล้านบาท หลายค่ายอุบไฮไลท์ หวั่นนำเข้าไม่ทันวันเปิดงาน 8 กันยายนนี้

นายอลัน นามชัยศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทฯทุ่มงบกว่า 25 ล้านบาทในการจัดงาน Central International Watch Fair 2005 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 กันยายนนี้ บริเวณ The Event Hall ชั้น 3 เซ็นทรัล ชิดลม ซึ่งเป็นการนำเสนอสินค้าใหม่จาก 150 ค่ายนาฬิกาดัง รวมมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าจะทำยอดขายได้จากภายในงานที่จัด 8 วันกว่า 430 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้ว 7.5% ซึ่งปีที่แล้วทำยอดขายจากงานดังกล่าวเกือบ 400 ล้านบาท ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าตลาดนาฬิกาหรูที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบนนั้นไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาแต่อย่างใด เฉพาะในแผนกนาฬิกาของเซ็นทรัลคาดว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโต 20% โดยยังคิดรวมงาน Watch Fair 05 ที่กำลังจะจัดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

นอกจากนั้น นายอลันยังกล่าวถึงผลการจัดงาน Watch Sale ครั้งล่าสุดที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งเป็นงานที่จัดชนในช่วงเวลาเดียวกันกับห้างเดอะมอลล์ บางกะปินั้น ทางเซ็นทรัลฯได้แย่งยอดขายไปได้ด้วยตัวเลขการเติบโตของยอดขายจากการจัดงาน 12 วันเพิ่มขึ้น 35% จากยอดขายเดิม

สำหรับงาน Watch Fair ในปีนี้ได้ดึงเอาผู้จัดหน้าใหม่อย่างดารารัตน์ มหาดำรงค์กุล ประธานบริหารสูงสุด บริษัท โทรคาเดโรไทม์ จำกัด รวมทั้ง Beauty Gems ซึ่งนำนาฬิกาประดับเพชรเรือนเดียวในโลกจำนวน 30 เรือน มาช่วยเรียกลูกค้ากลุ่มชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย

นอกจากนั้นภายหลังเสร็จสิ้นงาน Watch Fair แล้ว ทางเซ็นทรัล ชิดลมยังได้เตรียมรีโนเวตพื้นที่ขายนาฬิกาใหม่ บนชั้น 3 เหมือนเดิม แต่จะพื้นที่ใหญ่ขึ้นเป็น 3,200 ตร.ม. รวมทั้งออกแบบใหม่ทั้งหมด คาดว่าจะกระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้น 20% จากยอดขายเดิม

ด้าน นางสร้อยเพชร เรศานนท์ กรรมการบริหาร บริษัท บาชโทลด์ จำกัด รีเทลเลอร์นาฬิกาหรู เปิดเผยว่าบริษัทฯคาดว่าจะมีการเติบโต 60% ในปีนี้ เนื่องจากมีการจัดงานลักษณะ Watch Fair นี้ขึ้น ซึ่งในต่างประเทศอย่างฮ่องกง, สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ไม่เคยจัดเหมือนไทย ส่งผลให้ตัวแทนจำหน่ายสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็น end consumer ได้มากขึ้น นอกจากนั้น สินค้าใหม่ที่นำเสนอจะมีความสดใหม่กว่า โดยช่วงไฮซีซันจะอยู่ระหว่างเดือนเมษายน-สิงหาคมของทุกปี

สำหรับสถิติการนำเข้านาฬิกาจากต่างประเทศในปีนี้มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการนำเข้าจากสวิสเซอร์แลนด์ 4,000 พันล้านบาท โดยปกติแล้วจำนวนนาฬิกาที่นำเข้าจากสวิสฯจะมีน้อยที่สุด แต่มูลค่าต่อเรือนนั้นสูงมาก ขณะที่จำนวนการนำเข้านาฬิกาจากญี่ปุ่นนั้นสูงสุด แต่เมื่อคิดเป็นมูลค่าแล้ว ญี่ปุ่นจะเป็นอันดับสองรองจากสวิสฯ

อย่างไรก็ตาม ไทยส่งออกนาฬิกาและชิ้นส่วนไปขายยังสวิสฯด้วยมูลค่าใกล้เคียงกับการนำเข้าจากสวิสฯ คือประมาณ 4,000 ล้านบาททีเดียว โดย 20% เป็นการส่งออกนาฬิกาที่ครบเครื่อง ที่เหลือเป็นชิ้นส่วนพวกเครื่องจักรกลนาฬิกา สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยมีฝีมือในการผลิตนาฬิกาที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ โดยสวิสฯมีแนวโน้มที่จะย้ายฐานการผลิตนาฬิกามายังประเทศไทยทั้งหมด ส่วนนาฬิการะดับไฮเอ็นด์ ต้องยอมรับว่ายังต้องผลิตในสวิสฯอยู่ เนื่องจากต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะ

สำหรับตลาดนาฬิกาหรูในช่วง 20 ปีนั้นเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มนักสะสมที่มองว่านาฬิกาเป็นทรัพย์สินที่เพิ่มมูลค่า จากการสำรวจพบว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีประมาณ 500 คน แต่ละคนสะสมไม่ต่ำกว่า 100 เรือนๆ ละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท

สำหรับอุปสรรคการเติบโตของตลาดนาฬิกาในเมืองไทยนั้นได้แก่อัตราภาษี ซึ่งโชคดีว่าปัจจุบันรัฐบาลได้ลดการจัดเก็บภาษีลงจาก 21% เหลือ 5% แล้ว เนื่องจากมองว่านาฬิกาไม่จัดอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย 5 อันดับแรก นอกจากนั้นค่าเงินสวิสฯ ที่เพิ่มขึ้นจาก 36 บาทเป็น 45 บาทก็ทำให้ผู้นำเข้าลำบากเหมือนกัน

สำหรับการมาร่วมงาน Watch Fair ที่เซ็นทรัลจัดในปีนี้ บริษัทฯ นำเสนอไฮไลต์ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของบริษัทฯในไทย โดยนำนาฬิกาที่นำโมเสกมาทำเป็นหน้าปัด ภายใต้คอนเซ็ปต์งานศิลปะบนหน้าปัดนาฬิกา ตัวแพงสูดมีมูลค่า 10 ล้านบาท

ด้านยอดขาย 7 เดือนที่ผ่านมา ที่ขายผ่านห้างเซ็นทรัล 100% นั้นมีมูลค่า 400 ล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดขาย 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดขายเพิ่มที่เซ็นทรัลเวิลด์ และปีหน้าที่สยามพารากอน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายบริษัทฯที่เน้นขายผ่าน shop in the shop เพราะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้น คาดว่าภายใน 3 ปีจะสามารถทำยอดขายทะลุ 1 หมื่นล้านบาทได้ โดยเฉพาะภายหลังจากสวิสฯย้ายฐานเข้ามาผลิตในเมืองไทย จะทำให้กระตุ้นตลาดนาฬิกาเพิ่มขึ้นได้



กำลังโหลดความคิดเห็น