นายหาญ เชี่ยวชาญ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยลบในเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคไม่มั่นใจรายได้ในอนาคต จึงส่งผลให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อทรัพย์สิน
ในขณะที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและทบทวนแผนการตลาด หรือวางกลยุทธ์การขายใหม่ๆ โดยการทำวิจัยตลาด เพื่อที่จะได้ทราบข้อมูลที่แท้จริงของผู้ซื้อว่าต้องการทรัพย์สินประเภทใด ราคาหรืองบประมาณในการที่จะซื้อทรัพย์ว่ามากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นยอดขายทรัพย์สินของบริษัทให้มีค่าเพิ่มสูงขึ้นมาได้ ซึ่งสอดคล้องกับภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ค่อนข้างจะชะลอตัวลงและมีการแข่งขันในตลาดที่รุนแรง
นายหาญ กล่าวว่า จากภาวะการชะลอตัวดังกล่าว ทำให้บบส. ได้วางกลยุทธ์การขายเชิงรุกในช่วงครึ่งหลังปี 2548 ด้วยการเร่งระบายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ในต่างจังหวัดให้มากขึ้น โดยผ่านวิธีการขายในช่องทางต่างๆ เช่น การหารายชื่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในการขายทรัพย์สินในต่างจังหวัดที่ บบส. มีทรัพย์สินอยู่จำนวนมากแล้วนำเสนอขายโดยตรง (Private Approach) รวมทั้งการเพิ่มฐานโบรกเกอร์ในจังหวัดที่ บบส. มีทรัพย์สินมากและคัดเลือกโบรกเกอร์ที่เป็นนักธุรกิจที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆ ช่วยเสริมและขยายฐานในการจำหน่ายทรัพย์สินของ บบส. อีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับในเกณฑ์ดี
นอกจากนี้การจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในต่างจังหวัด ในช่วงครึ่งปีหลังนั้น บบส. วางแผนออกบูธในจังหวัดต่างๆ เช่น ที่จังหวัดระยอง ในงาน "มหกรรมบ้านธนาคาร" ซึ่งจัดโดยชมรมทรัพย์สินรอการขาย สมาคมธนาคารไทย ระหว่างวันที่ 26 - 28 สิงหาคม 2548 นอกจากนั้น บบส. ยังได้จัดโรดโชว์ตามจังหวัดต่างๆ อาทิ พัทยา จังหวัดชลบุรี ในเดือนกันยายน 2548 และที่จังหวัดเชียงใหม่ ในเดือนตุลาคม 2548 ปัจจุบัน บบส. มี NPA ในต่างจังหวัดจำนวน 430 รายการ รวมมูลค่า 10,092 ล้านบาท จากจำนวนทรัพย์สินรอการขายทั้งสิ้นจำนวน 19,020 รายการ มูลค่า 26,668 ล้านบาท
สำหรับ NPA ที่จะนำออกจำหน่ายในงานมหกรรมบ้านธนาคาร 48 บบส. ได้คัดทรัพย์เด่นที่มีศักยภาพในโซนภาคตะวันออก ขายในราคาพิเศษ จำนวน 43 รายการ รวมมูลค่า 677 ล้านบาท ประกอบไปด้วย ที่ดินย่านชุมชน, ที่ดินจัดสรรในโครงการ, ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม, ที่ดินเปล่าเพื่อการพัฒนาโครงการ, โชว์รูมรถยนต์, หอพักและอาคารอเนกประสงค์, โรงงานอุตสาหกรรม และบ้านเดี่ยว
ภายในบูธ บบส. ยังได้จัดมุมสำหรับนักลงทุนหรือผู้ประกอบการที่ต้องการที่ดินเปล่านำไปพัฒนาโครงการ ภายใต้โครงการร่วมทุนร่วมทำกับ บบส. (โครงการ Consortium) ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถประหยัดทั้งในเรื่องของต้นทุนค่าที่ดินเบื้องต้น และได้รับสิทธิประโยชน์จากการที่ บบส. ไม่ต้องอยู่ภายใต้ พรบ.จัดสรร รวมถึงยังได้รับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะบางส่วน, ยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอน และได้รับยกเว้นอากรแสตมป์
ในขณะที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและทบทวนแผนการตลาด หรือวางกลยุทธ์การขายใหม่ๆ โดยการทำวิจัยตลาด เพื่อที่จะได้ทราบข้อมูลที่แท้จริงของผู้ซื้อว่าต้องการทรัพย์สินประเภทใด ราคาหรืองบประมาณในการที่จะซื้อทรัพย์ว่ามากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นยอดขายทรัพย์สินของบริษัทให้มีค่าเพิ่มสูงขึ้นมาได้ ซึ่งสอดคล้องกับภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ค่อนข้างจะชะลอตัวลงและมีการแข่งขันในตลาดที่รุนแรง
นายหาญ กล่าวว่า จากภาวะการชะลอตัวดังกล่าว ทำให้บบส. ได้วางกลยุทธ์การขายเชิงรุกในช่วงครึ่งหลังปี 2548 ด้วยการเร่งระบายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ในต่างจังหวัดให้มากขึ้น โดยผ่านวิธีการขายในช่องทางต่างๆ เช่น การหารายชื่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในการขายทรัพย์สินในต่างจังหวัดที่ บบส. มีทรัพย์สินอยู่จำนวนมากแล้วนำเสนอขายโดยตรง (Private Approach) รวมทั้งการเพิ่มฐานโบรกเกอร์ในจังหวัดที่ บบส. มีทรัพย์สินมากและคัดเลือกโบรกเกอร์ที่เป็นนักธุรกิจที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆ ช่วยเสริมและขยายฐานในการจำหน่ายทรัพย์สินของ บบส. อีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับในเกณฑ์ดี
นอกจากนี้การจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในต่างจังหวัด ในช่วงครึ่งปีหลังนั้น บบส. วางแผนออกบูธในจังหวัดต่างๆ เช่น ที่จังหวัดระยอง ในงาน "มหกรรมบ้านธนาคาร" ซึ่งจัดโดยชมรมทรัพย์สินรอการขาย สมาคมธนาคารไทย ระหว่างวันที่ 26 - 28 สิงหาคม 2548 นอกจากนั้น บบส. ยังได้จัดโรดโชว์ตามจังหวัดต่างๆ อาทิ พัทยา จังหวัดชลบุรี ในเดือนกันยายน 2548 และที่จังหวัดเชียงใหม่ ในเดือนตุลาคม 2548 ปัจจุบัน บบส. มี NPA ในต่างจังหวัดจำนวน 430 รายการ รวมมูลค่า 10,092 ล้านบาท จากจำนวนทรัพย์สินรอการขายทั้งสิ้นจำนวน 19,020 รายการ มูลค่า 26,668 ล้านบาท
สำหรับ NPA ที่จะนำออกจำหน่ายในงานมหกรรมบ้านธนาคาร 48 บบส. ได้คัดทรัพย์เด่นที่มีศักยภาพในโซนภาคตะวันออก ขายในราคาพิเศษ จำนวน 43 รายการ รวมมูลค่า 677 ล้านบาท ประกอบไปด้วย ที่ดินย่านชุมชน, ที่ดินจัดสรรในโครงการ, ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม, ที่ดินเปล่าเพื่อการพัฒนาโครงการ, โชว์รูมรถยนต์, หอพักและอาคารอเนกประสงค์, โรงงานอุตสาหกรรม และบ้านเดี่ยว
ภายในบูธ บบส. ยังได้จัดมุมสำหรับนักลงทุนหรือผู้ประกอบการที่ต้องการที่ดินเปล่านำไปพัฒนาโครงการ ภายใต้โครงการร่วมทุนร่วมทำกับ บบส. (โครงการ Consortium) ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถประหยัดทั้งในเรื่องของต้นทุนค่าที่ดินเบื้องต้น และได้รับสิทธิประโยชน์จากการที่ บบส. ไม่ต้องอยู่ภายใต้ พรบ.จัดสรร รวมถึงยังได้รับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะบางส่วน, ยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอน และได้รับยกเว้นอากรแสตมป์