xs
xsm
sm
md
lg

ขายตรงไต้หวันเปิดตลาดเมืองไทย ส่งแบรนด์พรีเมียม “คลิทีน่า”ลุยศึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธุรกิจขายตรงไต้หวันสบช่องขายตรงไทยบูม ส่งแบรนด์ระดับพรีเมียม “คลิทีน่า”รุกขายตรงหลายชั้น   เผยใช้งบตลาดกว่า 10 ล้านบาทผ่านสื่อต่างๆหวังสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดเร็ว   พร้อมตั้งเป้าสิ้นปีสมาชิก 3,000 รายและยอดขาย 30 ล้านบาท

นายเจสัน เฉิน
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคลทิ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงหลายชั้นจากไต้หวัน ภายใต้แบรนด์ “คลิทีน่า” เปิดเผยว่า บริษัทแม่ที่ไต้หวันเห็นศักยภาพการเติบโตของธุรกิจขายตรงในไทยมีมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาทและมีอัตราการเติบโต 5-10% อีกทั้งคนไทยในปัจจุบันก็ยอมรับธุรกิจขายตรงมากขึ้น เห็นได้จากตลาดมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามามาก จึงสนใจเข้ามารุกตลาดขายตรงไทย ด้วยการตั้งบริษัทเคลทิ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท และนำเสนอผลิตภัณฑ์แบรนด์ระดับพรีเมียม “คลิทีน่า” โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้ที่มีกำลังซื้อระดับกลางถึงบน

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการเปิดตลาดไทยในช่วงแรกจะเป็นกลุ่มสกินแคร์ (คลิทีน่า คอสเมติกส์ ซีรีย์) กว่า 40-50 รายการ โดยระดับราคาขายของสินค้าจะอยู่ที่ 1 พันบาทขึ้นไป จากนั้นในปีหน้าบริษัทฯเตรียมนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกว่า 10 รายการ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการขออย.อยู่ จากนั้นจะนำเข้าไลน์สินค้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทแม่ที่ไต้หวันมีทั้งหมด 5 กลุ่ม ได้แก่ สกินแคร์ ,อาหารเสริม, กลุ่มอุปกรณ์ เช่น เครื่องกรองน้ำ ,ผลิตภัณฑ์ซักล้างในครัวเรือน และครีเอทีพ ฟาวเดชั่น เช่น ชุดชั้นในปรับสรีระ

“จุดแข็งของบริษัทฯอยู่ที่ตัวบริษัทแม่ที่ประสบความสำเร็จทางด้านยอดขายในไต้หวันที่มีกว่า 10,000 ล้านบาทและในอีกหลายประเทศที่เข้าไปบุกตลาด เช่น ตลาดจีนที่มีการทำตลาดในรูปแบบกึ่งแฟรนไชส์ ซึ่งขณะนี้มีกว่า 2,000 แห่ง รวมถึงในตัวผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีไบโอเทคและนาโนเทค อีกทั้งเรื่องหลักการทำงานและตัวทีมอาร์ แอนด์ ดีด้วย”

การทำตลาดในไทยบริษัทฯตั้งงบในการสร้างแบรนด์หรืองบทางการตลาดไว้ที่ 10 ล้านบาท ในการทำโปรโมทผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักเร็วขึ้น เช่น การไทล์ อินในรายการทีวี, นิตยสารและวิทยุ เป็นต้น รวมถึงการให้ผู้ที่สนใจธุรกิจสมัครเข้าฟรีด้วย โดยปัจจุบันบริษัทฯมีสมาชิกอยู่กว่า 1,000 ราย สิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มได้กว่า 3,000 ล้านบาท และปีหน้าตั้งเป้ายอดสมาชิกเพิ่มเป็น 30,000 คน

ปัจจุบันบริษัทฯมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียว ในปีหน้ามีแผนเปิดศูนย์จำหน่ายสินค้าไปยังหัวเมืองหลักของไทย เช่น เชียงใหม่,ภูเก็ตและหาดใหญ่ เป็นต้น โดยรูปแบบที่เปิดบริการจะเป็นของบริษัทเองหรือของสมาชิกก้ได้ สำหรับยอดรายได้ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขาย 30 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 300 ล้านบาทในปีหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น