ดูเม็กซ์สลัดภาพนมเด็กรีโพซิชันนิ่งทั่วโลก

ดูเม็กซ์ รีโพซิชันนิ่งครั้งใหญ่พร้อมกันทั่วโลก สลัดคราบผลิตภัณฑ์นมเด็ก สู่ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ทางโภชนาการ ยกระดับ"ดูเม็กซ์"สู่มาสเตอร์แบรนด์ เล็งแตกไลน์สินค้าภายใต้ซับแบรนด์ถล่มคู่แข่ง ส่วนไทยขานรับนโยบายทุ่มงบ 500 ล้านบาท กรุยทางสร้างการรับรู้ ปีแรกแชร์ขยับทิ้งห่างเนสท์เล่หลายช่วงตัว

นางวรรณา สวัสดิกูล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดูเม็กซ์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็กตราดูเม็กซ์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับตำแหน่งการตลาดผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์"ดูเม็กซ์"ใหม่พร้อมกันทั่วโลก จากผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็ก มาสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ทางโภชนาการ พร้อมกันนี้ยังได้ปรับแบรนด์ "ดูเม็กซ์" สู่การเป็นมาสเตอร์แบรนด์ เพื่อขยายไลน์สินค้าภายใต้ซับแบรนด์ที่เกี่ยวกับโภชนาการที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย หรือนอกเหนือจากกลุ่มนมในเชิงรุกมากขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีซับแบรนด์กลุ่มผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็ก ได้แก่ ไฮ-คิว และดูแลค ดูโปร ฯลฯ

ทั้งนี้การรีโพซิชันนิ่งในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี หลังจากที่ดูเม็กซ์เข้ามาทำตลาดในไทย โดยมีปรับตั้งแต่โลโก้ใหม่ ให้ดูสะดุดตา มีชีวิตชีวาสอดคล้องกับภาพลักษณ์ มีความแอคทีฟ รวมทั้งยังได้ปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้การสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายง่ายขึ้น มีความเข้าใจและเลือกซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะจากการสำรวจพบว่า กลุ่มลูกค้ายังสับสนเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ ขณะนี้ได้ทยอยปรับแล้วในส่วนของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งในไทยบริษัทได้เตรียมจัดงบการตลาด เพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ 500 ล้านบาท เบื้องต้นได้เตรียมจัดกิจกรรมให้ความรู้ โรดโชว์ ตามโรงพยาบาล โรงเรียน ร้านค้า อาคารสำนักงานและบ้าน

ล่าสุดบริษัทขยายฐานลูกค้าจากนมสำหรับเด็ก มาสู่นมสำหรับสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ด้วยการเปิดตัว"ไฮ-คิว มามา"ลงสู่ตลาดเมื่อต้นเดือนสิงหาคมนี้ ขณะเดียวกันในเร็วๆ นี้บริษัทกำลังจะเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ลงสู่ตลาดเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างโพซิชันนิ่งดูเม็กซ์ให้มีความแข็งแกร่งในฐานะผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการ ขณะที่ประเทศอินเดีย บริษัทได้นำร่องแตกไลน์ผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากนม คือ ผลิตภัณฑ์เสริมโปรตีนสำหรับเด็ก เป็นต้น

ตลาดนมผงและนมยูเอชทีสำหรับเด็กมูลค่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น นมผงเด็ก 6,000 ล้านบาท เติบโต 7-8% และนมยูเอชทีเด็ก 4,000 ล้านบาท โต 10% ซึ่งปัจจุบันดูเม็กซ์เป็นผู้นำตลาดโดยรวมครองส่วนแบ่ง 30% ส่วนอันดับสองนมตราหมี เนสท์เล่ 28-29%