กระทรวงการคลังมั่นใจประชาชนจะสนใจซื้อพันธบัตรออมทรัพย์จำนวนมาก เนื่องจากกระทรวงการคลังชดเชยผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในส่วนที่ประชาชนต้องเสียภาษีเงินได้ไว้ด้วย ทำให้อัตราดอกเบี้ย 7 ปี อยู่ที่ประมาณร้อยละ 5.3 และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรอายุ 5 ปีอยู่ที่ร้อยละ 5 พร้อมย้ำธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายพันธบัตรต้องกระจายพันธบัตรอย่างทั่วถึง
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการที่กระทรวงการคลังเตรียมนำพันธบัตรออมทรัพย์ออกจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป ในวงเงินทั้งหมด 30,000 ล้านบาท ซึ่งมี 2 ประเภท คือ อายุ 5 ปี และ 7 ปี โดยกำหนดวงเงินซื้อชุดละ 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท มีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนจำหน่าย เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมนี้ โดยจะจำหน่ายพันธบัตรอายุ 7 ปี เป็นอันดับแรกก่อน วงเงิน 5,000 ล้านบาท จากนั้นเดือนถัดไปจะออกพันธบัตร อายุ 5 ปี วงเงิน 5,000 ล้านบาท และเดือนต่อๆ ไป จะสลับจำหน่ายพันธบัตร 5 ปี และ 7 ปี ทุกเดือน เดือนละ 2,000 ล้านบาท จนครบ 12 เดือน ทั้งหมด 30,000 ล้านบาท
เบื้องต้นผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 7 ปี อยู่ที่ประมาณร้อยละ 5.3 ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี เบื้องต้นอยู่ที่ร้อยละ 5 เนื่องจากกระทรวงการคลังได้เพิ่มผลตอบแทนในส่วนที่ประชาชนต้องเสียภาษีเงินได้ร้อยละ 15 ให้ด้วย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน อยู่ที่ประมาณร้อยละ 1.25 เงินฝากประจำ 1 ปี อยู่ที่ร้อยละ 1 ซึ่งทำให้พันธบัตรออมทรัพย์น่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก หลังจากที่กระทรวงการคลังได้เคยออกพันธบัตรออมทรัพย์แล้วในช่วงปี 2545 จำนวน 350,000 ล้านบาท และในปี 2547 อีกจำนวน 90,000 ล้านบาท นับว่าได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างล้นหลาม แต่ได้กำชับให้ธนาคารกสิกรไทยกระจายการจำหน่ายให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนให้มากที่สุด
นายสมศักดิ์ วิวัฒน์พัฒนะพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ตั้งแต่สัปดาห์หน้าประชาชนสามารถไปรับใบสั่งซื้อได้ที่สาขาของธนาคารทั่วประเทศ และจะเปิดจำหน่ายวันที่ 15 สิงหาคมนี้ในงวดแรก โดยสามารถชำระเงินได้ด้วยเงินสด เช็ค หรือหักบัญชีกรณีมีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารกสิกรไทย อย่างไรก็ตาม จะต้องเปิดบัญชีเงินฝากไว้ที่ธนาคารใดธนาคารหนึ่งเพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะนายทะเบียนโอนผลตอบแทนให้ พร้อมยืนยันว่าธนาคารจะจำหน่ายด้วยความเป็นธรรมและโปร่งใสไม่มีการรับใบจองล่วงหน้าเด็ดขาดและไม่เลือกว่าจะเป็นลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยหรือไม่ โดยใครมาก่อนได้ก่อน และเชื่อว่าประชาชนจะให้ความสนใจ เพราะเมื่อประเมินจากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันแล้วเชื่อว่าการซื้อพันธบัตรให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการที่กระทรวงการคลังเตรียมนำพันธบัตรออมทรัพย์ออกจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป ในวงเงินทั้งหมด 30,000 ล้านบาท ซึ่งมี 2 ประเภท คือ อายุ 5 ปี และ 7 ปี โดยกำหนดวงเงินซื้อชุดละ 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท มีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนจำหน่าย เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมนี้ โดยจะจำหน่ายพันธบัตรอายุ 7 ปี เป็นอันดับแรกก่อน วงเงิน 5,000 ล้านบาท จากนั้นเดือนถัดไปจะออกพันธบัตร อายุ 5 ปี วงเงิน 5,000 ล้านบาท และเดือนต่อๆ ไป จะสลับจำหน่ายพันธบัตร 5 ปี และ 7 ปี ทุกเดือน เดือนละ 2,000 ล้านบาท จนครบ 12 เดือน ทั้งหมด 30,000 ล้านบาท
เบื้องต้นผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 7 ปี อยู่ที่ประมาณร้อยละ 5.3 ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี เบื้องต้นอยู่ที่ร้อยละ 5 เนื่องจากกระทรวงการคลังได้เพิ่มผลตอบแทนในส่วนที่ประชาชนต้องเสียภาษีเงินได้ร้อยละ 15 ให้ด้วย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน อยู่ที่ประมาณร้อยละ 1.25 เงินฝากประจำ 1 ปี อยู่ที่ร้อยละ 1 ซึ่งทำให้พันธบัตรออมทรัพย์น่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก หลังจากที่กระทรวงการคลังได้เคยออกพันธบัตรออมทรัพย์แล้วในช่วงปี 2545 จำนวน 350,000 ล้านบาท และในปี 2547 อีกจำนวน 90,000 ล้านบาท นับว่าได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างล้นหลาม แต่ได้กำชับให้ธนาคารกสิกรไทยกระจายการจำหน่ายให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนให้มากที่สุด
นายสมศักดิ์ วิวัฒน์พัฒนะพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ตั้งแต่สัปดาห์หน้าประชาชนสามารถไปรับใบสั่งซื้อได้ที่สาขาของธนาคารทั่วประเทศ และจะเปิดจำหน่ายวันที่ 15 สิงหาคมนี้ในงวดแรก โดยสามารถชำระเงินได้ด้วยเงินสด เช็ค หรือหักบัญชีกรณีมีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารกสิกรไทย อย่างไรก็ตาม จะต้องเปิดบัญชีเงินฝากไว้ที่ธนาคารใดธนาคารหนึ่งเพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะนายทะเบียนโอนผลตอบแทนให้ พร้อมยืนยันว่าธนาคารจะจำหน่ายด้วยความเป็นธรรมและโปร่งใสไม่มีการรับใบจองล่วงหน้าเด็ดขาดและไม่เลือกว่าจะเป็นลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยหรือไม่ โดยใครมาก่อนได้ก่อน และเชื่อว่าประชาชนจะให้ความสนใจ เพราะเมื่อประเมินจากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันแล้วเชื่อว่าการซื้อพันธบัตรให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า