xs
xsm
sm
md
lg

ส.ธนาคารไทยแนะแก้เอ็นพีเอเบ็ดเสร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.ธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยถึงภาพรวมของทรัพย์สินรอการขาย(เอ็นพีเอ)ในระบบว่า ปัจจุบันเอ็นพีเอมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่สถาบันการเงินต่างๆ เร่งจำหน่ายทรัพย์ฯออกไป เพื่อลดความเสี่ยงต่อสถาบันการเงิน และแปลงสภาพของทรัพย์สินกลายเป็นเงินสด รวมถึงทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ต้องการให้สถาบันการเงินระบายเอ็นพีเอออกไป ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ ประชาชนให้ความสนใจและเข้าใจซื้อทรัพย์บ้านมือสองมากขึ้น ส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดรองขยายตัวตามความต้องการ

" ตอนนี้การเพิ่มขึ้นของเอ็นพีเอในสถาบันการเงินเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งทรัพย์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่กรมบังคับคดี อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลต้องการแก้ไขเอ็นพีเอแบบเบ็ดเสร็จแล้ว ควรที่จะจัดตั้งองค์กรพิเศษเพื่อเข้ามาซื้อทรัพย์ในกรมบังคับคดี ไปบริหารจัดการ หรือการขยายบทบาทหน้าที่ของบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน หรือ บบส.ในการเข้าไปซื้อหนี้เอ็นพีแอลและเอ็นพีเอ นอกเหนือจากที่กฎหมายระบุไว้ว่า จะดำเนินการซื้อทรัพย์ได้เฉพาะหนี้ 56 ไฟแนนซ์ ส่วนนี้จะทำให้เปิดโอกาสให้ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินต่างๆ สามารถที่จะขายพอร์ตไปให้บบส.ได้ ซึ่งขณะนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการกฎหมายจะไม่เสร็จภายในปีนี้ "ดร.ธวัชชัยกล่าว

นางกรองทอง การุณย์นราทร ผู้จัดการฝ่ายทรัพย์สิน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความชัดเจนได้ว่า เอ็นพีเอทั้งระบบอยู่ที่เท่าไหร่ เนื่องจากสถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ยังไม่นิ่ง บางส่วนยังมีการตีโอนมาเป็นทรัพย์ ขณะที่การจำหน่ายออกไปบางครั้งจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ทั้งนี้ เท่าที่ประมวลภาพเอ็นพีเอทั้งระบบ คาดว่าจะมูลค่าไม่ต่ำกว่า 4-5 แสนล้านบาท ส่วนนี้รวมเอ็นพีเอของธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ,ธนาคารออมสิน,กรมบังคับคดี

ดร.ธวัชชัย กล่าวถึงความร่วมมือในการจัดมหกรรมบ้านธนาคาร 48 ที่ จังหวัดระยอง ว่า เป็นกิจกรรที่สมาคมธนาคารไทย ชมรมทรัพย์สินรอการขายของสถาบันการเงิน และ 13 สถาบัน จัดงานขึ้น ระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จัดกิจกรรมไปแล้ว 2 ครั้ง ที่ จ.นครปฐม ช่วงมี.ค.มียอดขาย 1,800 ล้านบาท และ จ.เชียงใหม่ สามารถจำหน่ายทรัพย์ได้ 2,200 ล้านบาท โดยกิจกรรมครั้งที่ 3 นี้ ถือเป็นงานมหกรรมครั้งที่ยิ่งใหญ่ ในพื้นที่ภาคตะวันออก(อีสเทอร์ซีบอร์ด) โดยเชื่อว่าผู้บริโภคในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ยังมีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์สูง ถึงแม้ว่า ช่วงนี้ธนาคารจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น และเศรษฐกิจมีอัตราเติบโตลดลง แต่คิดว่าจะไม่กระทบกับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมากนัก

โดย 13 สถาบันที่นำทรัพย์ออกร่วมมหกรรมครั้งนี้ รวมมูลค่าที่ประกาศไว้ประมาณ 12,870 ล้านบาท จำนวนประมาณ 4,359 รายการ แบ่งเป็น ธนาคารทหารไทย จำนวนกว่า 250 รายการ มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท เป็นประเภททาวน์เฮาส์ , บ้านเดี่ยว,ที่ดินเปล่า เสนอเงื่อนไขดอกเบี้ยพิเศษ 0% 3 เดือนแรก เดือนที่ 4-24 คิดที่ 2.5% ปีที่ 3 คิดที่ 3.5% และปีที่ 4 อิงอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี(เอ็นแอลอาร์) ลบ 1% ,ธนาคารนครหลวงไทย กว่า 200 รายการ มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ลูกค้าที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์สามารถซื้อทรัพย์ของธนาคารได้ ,ธนาคารกรุงเทพฯ 2,000 รายการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยจะคัดทรัพย์มาเสนอในราคาพิเศษ 20 รายการ ,ธนาคารกสิกรไทย 630 รายการ มูลค่า 1,400 ล้านบาท เป็นที่ดินเปล่า,สิ่งปลูกสร้างพร้อมอยู่อาศัย และแคมเปญ สินเชื่อแถมแจ๋ว

ธนาคารไทยธนาคาร จำนวน 300 รายการ มูลค่า 400 ล้านบาท เสนอเงื่อนไขผ่อน 2 ปีแรกไม่มีดอกเบี้ย และถ้าซื้อทรัพย์เกิน 5 แสนบาทสูงสุด 7 ล้านบาท จะมีสิทธิ์ได้รับตั๋วเครื่องบินท่องเที่ยวต่างประเทศ , บริษัทเงินทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน) 80 รายการ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท มีทรัพย์ประเภทสนามกอล์ฟ , ธนาคารเอเชีย 200 รายการ มูลค่า 2,045.74 ล้านบาท คัดทรัพย์มาลดราคาพิเศษ 31 รายการ กว่า 100 ล้านบาท เช่น คอนโดมิเนียมติดริมทะเล เป็นต้น

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) 453 รายการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท แคมเปญหากซื้อทรัพย์ไม่เกิน 2 ล้านบาท ได้รับดอกเบี้ย 0% ในช่วง 6 เดือนแรก หลังจากนั้นจะคิดดอกเบี้ยคงที่ 2% ระยะ 5 ปี ,บริษัท แคปปิตอล แอดไวซอรี่ เซอวิสเซส (ประเทศไทย ) จำกัด 150 รายการ มูลค่า 170 ล้านบาท , ธนาคารไทยพาณิชย์ 240 รายการ มูลค่า 900 ล้านบาท โดยคัดทรัพย์ 80 รายการ มูลค่า 270 ล้านบาท มาลดราคาขายประมาณ 10-20 %

ด้านบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) 43 รายการ มูลค่า 700 ล้านบาท เช่น โครงการสนามกอล์ฟ เนื้อที่ 1,000 ไร่ มูลค่าประมาณ 400-500 ล้านบาท เสนอแคมเปญ หากมีทุนน้อย จะเปิดโอกาสให้เลือกผ่อนซื้อกับบบส. หรือ การร่วมลงทุนกับเอกชน ภายใต้หลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) 266 รายการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท ประเภททรัพย์หลากหลาย โดยเฉพาะนักลงทุนที่ซื้อทรัพย์กับบสท.จะได้รับยกเว้นทางภาษี พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการชำระเงินจากเดิม 30 วันเป็น 90 วัน

นางกุลวดี กุลเนตุ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารทรัพย์สินรอการขาย ธนาคารเอเชียฯ กล่าวว่า ทรัพย์ที่นำมาร่วมมหกรรมครั้งนี้ เป็นล็อตสุดท้ายในพื้นที่ภาคตะวันออก รายละเอียดของทรัพย์ที่เข้าร่วม อาทิ ชลบุรี 77 รายการ มูลค่า 1,262 ล้านบาท ,ระยอง 1,262 ล้านบาท ,ระยอง 44 รายการ มูลค่า 171 ล้านบาท ,ฉะเชิงเทรา 40 รายการ มูลค่า 486 ล้านบาท จันทบุรี 9 รายการ 88 ล้านบาท เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น