เมื่อวานนี้(4ส.ค.2548) สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย จัดสัมมนาในหัวข้อเรื่อง " Prefab ..สร้างเร็ว,ถูก,คุณภาพดี..อนาคอสังหาฯไทย" โดยมีนายกนก เดชาวาศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมเพลส กรุ๊ป กำจัด (มหาชน) นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์กรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทจำกัด (มหาชน) และนายเฉลิม เกียรติธนะบำรุง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นวิทยากรพิเศษบรรยายในหัวข้อดังกล่าว
นายกนก เดชาวาศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมเพลสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ต้องการจะนำเทคโนโลยีการก่อสร้างระบบ Prefab หรือ Precast มาใช้แทนระบบการก่อสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูนในธุรกิจจัดสรรคือความพร้อมในเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากการลงทุนในระบบ Prefab เป็นการลงทุนที่ใช้ต้นทุนสูงในช่วงแรก แต่จะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และต้องเตรียมระบบความพร้อมในเรื่องของเทคโนโลยีการออกแบบ เทคโนโลยีการผลิต และเทคโนโลยีการจัดการที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพที่ดี รวมถึงจะต้องมีระบบการตรวจสอบที่ได้มาตรฐานด้วย
ทั้งนี้ แม้ว่าเทคโนโลยีการผลิตแบบ Prefab จะช่วยลดในเรื่องของต้นทุนในการก่อสร้างระยะเวลาในการก่อสร้าง และต้นทุนแรงงาน แต่หากระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้า และมาตรฐานของเทคโนโลยี 3 ด้านดังกล่าวไม่มีความพร้อม ก็อาจจะกลายเป็นภาระที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตบานปลายออกไปได้ เช่น หากระบบเทคโนโลยีในการผลิตของผู้ประการที่นำระบบ Prefab เข้ามาใช้สามารถทำการผลิตได้รวดเร็วเกินกว่ากำหนดก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ประกอบการจะประสบความสำเร็จในการใช้ระบบ Prefab เพราะการจะทำให้ระบบตรวจสอบคุณภาพหรือ การออกแบบไม่ได้คุณภาพก็จะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเสียหาย อาทิ ไม่สามารถประกอบกันได้ลงตัว ซึ่งการที่จะทำระบบ Prefab ให้สมบูรณ์ได้นั้น จะต้องมีทั้งหมดทุกเรื่องที่กล่าวมา
นอกจากนี้ สำสิ่งสำคัญและจำเป็นต้องคำนึงถึงคือเรื่องการ ประเมินความสามารถในการขายต่อกำลังการผลิต
และการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าที่ผลิตออกมา ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่สามารถประเมินการขายของบริษัทได้ก็จะทำให้เกิดปัญหาในภายหลัง ในเรื่องของการผลิตเกินกำลัง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น จากดอกเบี้ยเงินกู้ในโครงการ เพราะจะเกิดสต็อกสินค้า ดังนั้น ควรรู้จักประเมินการขายของบริษัท เพื่อให้เหมาะสมกับกำลังผลิต
" โดยเฉพาะในกรณีที่กำลังการผลิตเกินการขายเพราะขาดการประเมินด้านการขาย ซึ่งทำให้เกิดสต็อกในมือ หากสินค้าไม่ตรงความต้องการของตลาด หรือวางตำแหน่งสินค้าผิดที่จะทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นในทันที่แทนที่จะช่วยให้ต้นทุนการก่อส้รางลดลงและมีระยัเวลาในการก่อสร้างที่เร็วขึ้น" นายกนก กล่าว
นอกจากนี้ปัจจัยที่สำคัญและจำเป็นมากอีกประการหนึ่งคือเรื่อง การตรวจสอบคุณภาพสินค้า ซึ่งหากสินค้าที่ผลิตออกมาขาดคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน หากเกิดปัญหาหลังจากการขายสินค้าออกไปแล้ว จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ทำให้ตลาด Prefab ไม่สามารถเกิดได้ เนื่องจากการขาดความเชื่อมั่น ของลูกค้าต่อระบบ Prefab ซึ่งจะส่งผลกระทบกับตลาด Prefab โดยรวม
นายเฉลิม เกียรติธนะบำรุง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบัน เทคโลนโลยีระบบก่อสร้างแบบ Prefab ที่ได้รับความนิยมจะเป็นเทคโนโลยี จากประเทศ ญีปุ่น ,อเมริกา,
เยอรมัน,ออสเตรีย ซึ่งระบบที่มีการนำเข้ามาใช้ จะมีระบบหล่อแบบผลิตหน้าไซนด์งาน และระบบตั้งโรงงานหล่อแบบสำเร็จรูป แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการที่ต้องการนำระบบ Prefab เข้ามาใช้คำนึงถึงคือ ความจำเป็นในการใช้ระบบดังกล่าว ทั้งนี้การที่ แลนด์ฯ นำระบบดังกล่าวเข้ามาใช้ เนื่องจากมองงว่า Prefab เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ แก้ปัญหาให้กับบริษัทได้
โดยผู้ประกอบการต้องพิจารณาว่าระบบ Prefab จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของอะไรได้บ้าง อาทิ 1.การขาดแคลนแรงงาน 2.ต้องการผลิตซัปพลายจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น 3.ปัญหาในเรื่องคุณภาพของงานที่ผลิตออกมา ซึ่งหากต้องการนำระบบ Prefab เข้ามาช่วยในเรื่องเหล่านี้ได้ก็เหมาะสมที่จะนำมาใช้ แต่อย่างไรก็ดีหากผู้ประกอบการ ต้องการผลิตซัปพลายจำนวนมากในระยะสั้นเท่านั้น ในขณะที่เมื่อพิจารณาในระยะยาวแล้วไม่มีความต้องการผลิตสินค้าในจำนวนมากๆ อย่างต่อเนื่องก็ไม่สมควรจะนำระบบดังกล่าวเข้ามาใช้ เพราะต้นทุนในการลงทุนระบบ Prefabในช่วงแรกค่อนข้างสูงซึ่งจะทำให้ไม่คุ้มทุนในระยะยาว
ด้านนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์กรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเลือกใช้ระบบ Prefab หรือ Precas สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ การเลือกใช้วัตถุดิบในการผลิต ควรเน้นเลือกใช้วัตถุดิบในประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เกิดผลดีในระยะยาว เพราะสามารถควบคุมต้อนทุนวัตถุดิบ และการผลิตได้ แต่หากเลือกใช้วัตถุดิบนำเข้า ในระยะยาวจะทำให้ลำบากในเรื่องการควบคุมต้นทุน เพราะสินค้านำเข้าในอนาคตจะมีราคาแพงขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับข้อดีของการใช้ระบบPrefab คือ ช่วยในเรื่องของการ ประหยัดแรงงานและวัสดุก่อสร้างใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างน้อย ได้คุณภาพที่สม่ำเสมอ ประหยัดค่าแรงงาน ความแข็งแรงสูง การขนส่งทำได้ง่ายแม้สถานที่ก่อสร้างจะไกล เสียค่าเบี้ยประกันต่ำ โดยเฉพาะในเรื่องของการลดค่าแรงงาน ซึ่งเชื่อว่าในอนาคต
จำนวนแรงงานจะมีลดน้อยลง และค่าแรงงานจะเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะฝีมือแรงงาน โดยในปัจจุบัน จำนวนแรงงานในประเทศไทย เป็นแรงงานไทยจริงๆ เพียง 40-50% เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นแรงงานจากต่างชาติ
ส่วนข้อเสียของระบบ Prefab คือ ใช้เงินทุนสูงในรยะแรก ต้องการบุคคลากรที่มีความรู้เฉพาะด้าน ความรู้ด้านเทคโนโลยีระดับสูง รวมถึงผู้ประกอบการเองต้องมีความรู้เฉพาะด้านสูงด้วย นอกจากนี้ความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลงมีต่ำ
นายกนก เดชาวาศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมเพลสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ต้องการจะนำเทคโนโลยีการก่อสร้างระบบ Prefab หรือ Precast มาใช้แทนระบบการก่อสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูนในธุรกิจจัดสรรคือความพร้อมในเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากการลงทุนในระบบ Prefab เป็นการลงทุนที่ใช้ต้นทุนสูงในช่วงแรก แต่จะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และต้องเตรียมระบบความพร้อมในเรื่องของเทคโนโลยีการออกแบบ เทคโนโลยีการผลิต และเทคโนโลยีการจัดการที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพที่ดี รวมถึงจะต้องมีระบบการตรวจสอบที่ได้มาตรฐานด้วย
ทั้งนี้ แม้ว่าเทคโนโลยีการผลิตแบบ Prefab จะช่วยลดในเรื่องของต้นทุนในการก่อสร้างระยะเวลาในการก่อสร้าง และต้นทุนแรงงาน แต่หากระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้า และมาตรฐานของเทคโนโลยี 3 ด้านดังกล่าวไม่มีความพร้อม ก็อาจจะกลายเป็นภาระที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตบานปลายออกไปได้ เช่น หากระบบเทคโนโลยีในการผลิตของผู้ประการที่นำระบบ Prefab เข้ามาใช้สามารถทำการผลิตได้รวดเร็วเกินกว่ากำหนดก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ประกอบการจะประสบความสำเร็จในการใช้ระบบ Prefab เพราะการจะทำให้ระบบตรวจสอบคุณภาพหรือ การออกแบบไม่ได้คุณภาพก็จะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเสียหาย อาทิ ไม่สามารถประกอบกันได้ลงตัว ซึ่งการที่จะทำระบบ Prefab ให้สมบูรณ์ได้นั้น จะต้องมีทั้งหมดทุกเรื่องที่กล่าวมา
นอกจากนี้ สำสิ่งสำคัญและจำเป็นต้องคำนึงถึงคือเรื่องการ ประเมินความสามารถในการขายต่อกำลังการผลิต
และการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าที่ผลิตออกมา ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่สามารถประเมินการขายของบริษัทได้ก็จะทำให้เกิดปัญหาในภายหลัง ในเรื่องของการผลิตเกินกำลัง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น จากดอกเบี้ยเงินกู้ในโครงการ เพราะจะเกิดสต็อกสินค้า ดังนั้น ควรรู้จักประเมินการขายของบริษัท เพื่อให้เหมาะสมกับกำลังผลิต
" โดยเฉพาะในกรณีที่กำลังการผลิตเกินการขายเพราะขาดการประเมินด้านการขาย ซึ่งทำให้เกิดสต็อกในมือ หากสินค้าไม่ตรงความต้องการของตลาด หรือวางตำแหน่งสินค้าผิดที่จะทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นในทันที่แทนที่จะช่วยให้ต้นทุนการก่อส้รางลดลงและมีระยัเวลาในการก่อสร้างที่เร็วขึ้น" นายกนก กล่าว
นอกจากนี้ปัจจัยที่สำคัญและจำเป็นมากอีกประการหนึ่งคือเรื่อง การตรวจสอบคุณภาพสินค้า ซึ่งหากสินค้าที่ผลิตออกมาขาดคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน หากเกิดปัญหาหลังจากการขายสินค้าออกไปแล้ว จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ทำให้ตลาด Prefab ไม่สามารถเกิดได้ เนื่องจากการขาดความเชื่อมั่น ของลูกค้าต่อระบบ Prefab ซึ่งจะส่งผลกระทบกับตลาด Prefab โดยรวม
นายเฉลิม เกียรติธนะบำรุง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบัน เทคโลนโลยีระบบก่อสร้างแบบ Prefab ที่ได้รับความนิยมจะเป็นเทคโนโลยี จากประเทศ ญีปุ่น ,อเมริกา,
เยอรมัน,ออสเตรีย ซึ่งระบบที่มีการนำเข้ามาใช้ จะมีระบบหล่อแบบผลิตหน้าไซนด์งาน และระบบตั้งโรงงานหล่อแบบสำเร็จรูป แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการที่ต้องการนำระบบ Prefab เข้ามาใช้คำนึงถึงคือ ความจำเป็นในการใช้ระบบดังกล่าว ทั้งนี้การที่ แลนด์ฯ นำระบบดังกล่าวเข้ามาใช้ เนื่องจากมองงว่า Prefab เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ แก้ปัญหาให้กับบริษัทได้
โดยผู้ประกอบการต้องพิจารณาว่าระบบ Prefab จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของอะไรได้บ้าง อาทิ 1.การขาดแคลนแรงงาน 2.ต้องการผลิตซัปพลายจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น 3.ปัญหาในเรื่องคุณภาพของงานที่ผลิตออกมา ซึ่งหากต้องการนำระบบ Prefab เข้ามาช่วยในเรื่องเหล่านี้ได้ก็เหมาะสมที่จะนำมาใช้ แต่อย่างไรก็ดีหากผู้ประกอบการ ต้องการผลิตซัปพลายจำนวนมากในระยะสั้นเท่านั้น ในขณะที่เมื่อพิจารณาในระยะยาวแล้วไม่มีความต้องการผลิตสินค้าในจำนวนมากๆ อย่างต่อเนื่องก็ไม่สมควรจะนำระบบดังกล่าวเข้ามาใช้ เพราะต้นทุนในการลงทุนระบบ Prefabในช่วงแรกค่อนข้างสูงซึ่งจะทำให้ไม่คุ้มทุนในระยะยาว
ด้านนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์กรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเลือกใช้ระบบ Prefab หรือ Precas สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ การเลือกใช้วัตถุดิบในการผลิต ควรเน้นเลือกใช้วัตถุดิบในประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เกิดผลดีในระยะยาว เพราะสามารถควบคุมต้อนทุนวัตถุดิบ และการผลิตได้ แต่หากเลือกใช้วัตถุดิบนำเข้า ในระยะยาวจะทำให้ลำบากในเรื่องการควบคุมต้นทุน เพราะสินค้านำเข้าในอนาคตจะมีราคาแพงขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับข้อดีของการใช้ระบบPrefab คือ ช่วยในเรื่องของการ ประหยัดแรงงานและวัสดุก่อสร้างใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างน้อย ได้คุณภาพที่สม่ำเสมอ ประหยัดค่าแรงงาน ความแข็งแรงสูง การขนส่งทำได้ง่ายแม้สถานที่ก่อสร้างจะไกล เสียค่าเบี้ยประกันต่ำ โดยเฉพาะในเรื่องของการลดค่าแรงงาน ซึ่งเชื่อว่าในอนาคต
จำนวนแรงงานจะมีลดน้อยลง และค่าแรงงานจะเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะฝีมือแรงงาน โดยในปัจจุบัน จำนวนแรงงานในประเทศไทย เป็นแรงงานไทยจริงๆ เพียง 40-50% เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นแรงงานจากต่างชาติ
ส่วนข้อเสียของระบบ Prefab คือ ใช้เงินทุนสูงในรยะแรก ต้องการบุคคลากรที่มีความรู้เฉพาะด้าน ความรู้ด้านเทคโนโลยีระดับสูง รวมถึงผู้ประกอบการเองต้องมีความรู้เฉพาะด้านสูงด้วย นอกจากนี้ความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลงมีต่ำ