อาซาฮี ทุ่ม 120 ล้านบาท ติดเครื่องบูมเบียร์รับช่วงไฮซีซัน ปูพรมใช้เซ็กแอ๊ปพีลปลุกใจเสือป่า จัดประกวด”มิส อาซาฮี” พร้อมดึงขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ปฏิทินเซ็กซี่ 2006 คาดกระตุ้นยอดขาย 50% ลั่นปีนี้ขอเจียดพื้นที่ลานเบียร์เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่าประหมัดไฮเนเก้น มั่นใจสิ้นปีกวาดรายได้ทะลุ 350 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากบริษัท บีแอนด์เอ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเบียร์อาซาฮี เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเริ่มรุกตลาดอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป เพื่อเป็นการปูพรมก่อนเข้าช่วงฤดูกาลขายระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยได้ทุ่มงบครึ่งปีหลังกว่า 120 ล้านบาท จากทั้งปีใช้งบ 180 ล้านบาท เน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์ 70% และอโบฟเดอะไลน์ 30% ประเดิมด้วยการจัดกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม นี้ จัดมินิคอนเสิร์ตนำโดยศิลปินจากอะคาเดมี่ แฟนตาซี อ๊อฟ –ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ ตามสถานบันเทิง 20 แห่งทั่วประเทศ
ส่วนในช่วงเดือนกันยายน บริษัทได้เตรียมจัดประกวด”มิส อาซาฮี” ขึ้น จากนั้นจะนำผู้ชนะเลิศจากการประกวดซึ่งมีสัญญากับทางบริษัท 1 ปี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ปฏิทินเซ็กซี่ 2006 เพื่อต้อนรับฤดูกาลขายและเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งถือว่าปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในลักษณะนี้ ทั้งนี้คาดว่าจากจัดทำปฏิทินดังกล่าว จะกระตุ้นยอดขายให้กับเบียร์อาซาฮีอย่างน้อย 30-50% ขณะเดียวกันยังช่วยสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
นอกจากนี้ในเดือนกันยายน บริษัทยังได้นำทีมพริตตี้ “คอมมานโด”ออกแนะนำสินค้าตามสถานบันเทิงย่านต่างๆ ส่วนเดือนตุลาคมนี้ เตรียมเปิดตัวสื่อโฆษณาชุดใหม่ เพื่อให้ภาพลักษณ์เบียร์อาซาฮี จากเบียร์ญี่ปุ่นมาสู่การเป็นเบียร์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนลมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ บริษัทได้ปรับโพซิชันนิงเบียร์อาซาฮีใหม่ เบื้องต้นเตรียมนำสื่อโฆษณาใหม่ติดตามป้ายรถเมลล์ 60 จุด ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ดำเนินกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เกตติ้ง ภายใต้การสนับสนุนกีฬากอล์ฟ เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนก.ค.กระทั่งสิ้นปีนี้
“การปรับโพซิชันนิงของเบียร์อาซาฮีจากเป็นเบียร์ญี่ปุ่นมาสู่ระดับอินเตอร์เนชันแนล เพื่อให้สอดคล้องกับเซกเมนต์ที่วางไว้คือ พรีเมียม ขณะเดียวกันก็เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น จากก่อนหน้านี้วางภาพลักษณ์เป็นเบียร์ญี่ปุ่น ทำให้ได้ฐานลูกค้าที่แคบ โดยปัจจุบันฐานลูกค้าของอาซาฮีที่เป็นคนไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะฐานลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนยอดขายขณะนี้มาจาก ต่างจังหวัด 40% ภาคตะวันออกเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยเหนือ ส่วนอีก 60% มาจากกรุงเทพฯและปริมณฑล”
แนวโน้มตลาดเบียร์โดยรวมมูลค่า 80,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 3-5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วตลาดเบียร์มีอัตราการเติบโต 10% ทั้งนี้เพราะปัจจัยจากกฎระเบียบภาครัฐ การจำกัดเวลาจำหน่าย การปรับโครงสร้างภาษี และการรณรงค์ลดการดื่มจากภาครัฐ อย่างไรก็ตามการแข่งขันตลาดเบียร์ในช่วงไฮซีซัน จะมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณจุดจำหน่าย โดยปกติช่วงไฮซีซันยอดขายเบียร์จะพุ่งถึง 50-100% เมื่อเทียบกับช่วงอื่นๆ
สำหรับนโยบายของบริษัท จะเน้นสร้างรายได้ผ่านร้านอาหารระดับซี หรือ ประเภทหมูกะทะในเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากเป็นร้านอาหารที่มีอัตราการเติบโตสูง ขณะที่ร้านอาหารหรือสถานบันเทิงระดับบี จะเน้นสร้างภาพลักษณ์และยอดขายควบคู่กัน ส่วนร้านระดับเอ หรือมีราว 3,000 แห่งขึ้นไป จะเน้นสร้างภาพลักษณ์ตราสินค้าเป็นหลัก ขณะที่เบียร์การ์เด้นในปีนี้ บริษัทได้เตรียมเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่ เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า ซึ่งถือว่าเป็นลานเบียร์การ์เด้นแห่งใหญ่และเป็นศูนย์กลางสำหรับคนกรุงเทพฯที่จะมาเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ หลังจากปีที่ผ่านมาเปิด 2 แห่ง คือ ที่ สวนลุม ไนท์พลาซ่า และสยามดิส คัฟเวอรี่
ผลประกอบการตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 211 ล้านบาท ถือว่าเกินเป้าหมายที่วางไว้มาก เมื่อเทียบกับปีที่แล้วทั้งปีมีรายได้ 180 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีบริษัทคาดว่ารายได้จะทะลุ 350 ล้านบาท โดยปัจจุบันเบียร์อาซาฮีมีส่วนแบ่ง 2-3% สิ้นปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 4% จากมูลค่าตลาด 80,000 ล้านบาท และในปี 2549 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 10% และภายในปี 2550 ตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 20% จากนั้นบริษัทจะนำเบียร์ตัวใหม่เข้ามาเปิดตลาด
แหล่งข่าวจากบริษัท บีแอนด์เอ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเบียร์อาซาฮี เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเริ่มรุกตลาดอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป เพื่อเป็นการปูพรมก่อนเข้าช่วงฤดูกาลขายระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยได้ทุ่มงบครึ่งปีหลังกว่า 120 ล้านบาท จากทั้งปีใช้งบ 180 ล้านบาท เน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์ 70% และอโบฟเดอะไลน์ 30% ประเดิมด้วยการจัดกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม นี้ จัดมินิคอนเสิร์ตนำโดยศิลปินจากอะคาเดมี่ แฟนตาซี อ๊อฟ –ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ ตามสถานบันเทิง 20 แห่งทั่วประเทศ
ส่วนในช่วงเดือนกันยายน บริษัทได้เตรียมจัดประกวด”มิส อาซาฮี” ขึ้น จากนั้นจะนำผู้ชนะเลิศจากการประกวดซึ่งมีสัญญากับทางบริษัท 1 ปี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ปฏิทินเซ็กซี่ 2006 เพื่อต้อนรับฤดูกาลขายและเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งถือว่าปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในลักษณะนี้ ทั้งนี้คาดว่าจากจัดทำปฏิทินดังกล่าว จะกระตุ้นยอดขายให้กับเบียร์อาซาฮีอย่างน้อย 30-50% ขณะเดียวกันยังช่วยสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
นอกจากนี้ในเดือนกันยายน บริษัทยังได้นำทีมพริตตี้ “คอมมานโด”ออกแนะนำสินค้าตามสถานบันเทิงย่านต่างๆ ส่วนเดือนตุลาคมนี้ เตรียมเปิดตัวสื่อโฆษณาชุดใหม่ เพื่อให้ภาพลักษณ์เบียร์อาซาฮี จากเบียร์ญี่ปุ่นมาสู่การเป็นเบียร์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนลมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ บริษัทได้ปรับโพซิชันนิงเบียร์อาซาฮีใหม่ เบื้องต้นเตรียมนำสื่อโฆษณาใหม่ติดตามป้ายรถเมลล์ 60 จุด ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ดำเนินกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เกตติ้ง ภายใต้การสนับสนุนกีฬากอล์ฟ เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนก.ค.กระทั่งสิ้นปีนี้
“การปรับโพซิชันนิงของเบียร์อาซาฮีจากเป็นเบียร์ญี่ปุ่นมาสู่ระดับอินเตอร์เนชันแนล เพื่อให้สอดคล้องกับเซกเมนต์ที่วางไว้คือ พรีเมียม ขณะเดียวกันก็เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น จากก่อนหน้านี้วางภาพลักษณ์เป็นเบียร์ญี่ปุ่น ทำให้ได้ฐานลูกค้าที่แคบ โดยปัจจุบันฐานลูกค้าของอาซาฮีที่เป็นคนไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะฐานลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนยอดขายขณะนี้มาจาก ต่างจังหวัด 40% ภาคตะวันออกเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยเหนือ ส่วนอีก 60% มาจากกรุงเทพฯและปริมณฑล”
แนวโน้มตลาดเบียร์โดยรวมมูลค่า 80,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 3-5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วตลาดเบียร์มีอัตราการเติบโต 10% ทั้งนี้เพราะปัจจัยจากกฎระเบียบภาครัฐ การจำกัดเวลาจำหน่าย การปรับโครงสร้างภาษี และการรณรงค์ลดการดื่มจากภาครัฐ อย่างไรก็ตามการแข่งขันตลาดเบียร์ในช่วงไฮซีซัน จะมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณจุดจำหน่าย โดยปกติช่วงไฮซีซันยอดขายเบียร์จะพุ่งถึง 50-100% เมื่อเทียบกับช่วงอื่นๆ
สำหรับนโยบายของบริษัท จะเน้นสร้างรายได้ผ่านร้านอาหารระดับซี หรือ ประเภทหมูกะทะในเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากเป็นร้านอาหารที่มีอัตราการเติบโตสูง ขณะที่ร้านอาหารหรือสถานบันเทิงระดับบี จะเน้นสร้างภาพลักษณ์และยอดขายควบคู่กัน ส่วนร้านระดับเอ หรือมีราว 3,000 แห่งขึ้นไป จะเน้นสร้างภาพลักษณ์ตราสินค้าเป็นหลัก ขณะที่เบียร์การ์เด้นในปีนี้ บริษัทได้เตรียมเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่ เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า ซึ่งถือว่าเป็นลานเบียร์การ์เด้นแห่งใหญ่และเป็นศูนย์กลางสำหรับคนกรุงเทพฯที่จะมาเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ หลังจากปีที่ผ่านมาเปิด 2 แห่ง คือ ที่ สวนลุม ไนท์พลาซ่า และสยามดิส คัฟเวอรี่
ผลประกอบการตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 211 ล้านบาท ถือว่าเกินเป้าหมายที่วางไว้มาก เมื่อเทียบกับปีที่แล้วทั้งปีมีรายได้ 180 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีบริษัทคาดว่ารายได้จะทะลุ 350 ล้านบาท โดยปัจจุบันเบียร์อาซาฮีมีส่วนแบ่ง 2-3% สิ้นปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 4% จากมูลค่าตลาด 80,000 ล้านบาท และในปี 2549 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 10% และภายในปี 2550 ตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 20% จากนั้นบริษัทจะนำเบียร์ตัวใหม่เข้ามาเปิดตลาด