ม็อบต้านเบียร์ช้างเกือบหมื่นคน เดินหน้ากดดันให้ รมว.คลังยับยั้งนำเบียร์ช้างเข้าตลาดหลักทรัพย์ ระบุหากยังดื้อต้องออกกฎหมายห้ามเยาวชนต่ำกว่า 21 ปีดื่มเหล้า-เบียร์ และห้ามโฆษณาผ่านสื่อทุกประเภทเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้สังคม ก่อนท้าผู้ประกอบการออกโรงชนให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ส.ค.) มีกลุ่มผู้ต่อต้านการนำเบียร์-เหล้าเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทยอยเดินทางมาที่บริเวณด้านข้างริมคลองประปาของกระทรวงการคลัง เพื่อมาทวงสัญญาที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประธานกองทัพธรรมมูลนิธิยื่นหนังสือต่อนายปิยพันธุ์ นิมมานเหมินท์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ผู้แทนรับหนังสือ เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ก.ค.2548 ที่ผ่านมา และมีกลุ่มผู้ต่อต้านเดินทางมาสมทบเรื่อยๆ อย่างไม่ขาดสาย จากถนนฝั่งพระราม 6 และฝั่งทางเข้าสำนักงานเขตพญาไท รวมประมาณเกือบ 10,000 คน ส่งผลให้การจราจรในบริเวณใกล้เคียงติดขัดเป็นอย่างมาก
พล.ต.จำลอง กล่าวก่อนขึ้นปราศรัยบนเวทีว่า ต้องการให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รับปากว่า ก.ล.ต.จะไม่อนุญาตให้นำธุรกิจประเภทเบียร์และเหล้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยให้ยกเลิกมติ ก.ล.ต.ปี 2538 ที่อนุญาตให้มีการนำธุรกิจดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ แต่หากไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนก็จะเดินหน้าชุมนุมด้วยความเข้มข้นมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้ นายสมคิดพร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลัง ติดการเดินทางร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่จังหวัดจันทบุรี จึงไม่มีใครออกมาให้คำตอบแก่กลุ่มผู้ร่วมชุมนุมได้
ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า หาก ก.ล.ต.ยังคงยืนยันให้สามารถนำเบียร์-เหล้า เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้โดยไม่ฟังกระแสการต่อต้านจากประชาชน กลุ่มผู้ร่วมชุมนุมก็จะไม่คัดค้านหัวชนฝา แต่จะยื่นเรื่องให้มีการออกกฎหมาย หรือกฎระเบียบที่ชัดเจนว่าจะต้องมีการห้ามในส่วนใดบ้าง เช่น นานาอารยประเทศที่อนุญาตให้มีการนำเหล้า-เบียร์เข้าตลาดได้ อาทิ ห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 21 ปีดื่มเหล้า-เบียร์ เด็ดขาด ห้ามไม่ให้มีการโฆษณาเหล้า-เบียร์ ผ่านสื่อทุกชนิด ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ รวมถึงสนามแข่งขันฟุตบอลและกีฬา หรือตามท้องถนนต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนในประเทศเสียก่อน
“เราจะตั้งหน้าตั้งตารอจนกว่าได้รับคำตอบ และจะเพิ่มการคัดค้านให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เพราะเราเห็นว่าเราถอยไม่ได้อีกแล้ว เพราะประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะเสียหายมาก ถ้าปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เราต้องการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับปากกับพวกเราว่า ก.ล.ต.จะไม่เอาเบียร์ เหล้า เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ถ้าเขายังอยากเอาเข้าเราก็ไม่ได้ค้านหัวชนฝา เราจะไม่ได้ดึงดัน หรือเอาแต่ใจเราอย่างเดียว แต่เรามีการยืดหยุ่นให้ว่าถ้ามีการออกกฎหมายเรียบร้อยแล้ว ถึงตอนนั้นจะเอาเหล้าเบียร์เข้าตลาด พวกเราจะไม่ว่าจะหรือท้วงติง เพราะถึงเวลานั้นหลายคนได้รู้เท่าถึงการณ์แล้วไม่ตกเป็นเหยื่อของการนำเหล้าเบียร์เข้าตลาดอีกต่อไป”
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า ประชาชนในละแวกนี้อาจจะได้รับผลกระทบจากการคัดค้านต่อต้านธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นเพราะพวกเรามาเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพราะพวกเราทำให้พี่น้องเดือดร้อนขนาดนี้ แต่หากปล่อยให้เบียร์ เหล้า เข้าตลาดเมื่อไหร่ความหายนะก็บานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งการมาคัดค้านในวันนี้เราได้ติติง เตือน ต่อต้านมาเป็นระยะหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุด โดยนำเข้าตลาดฯพิจารณาเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2548 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การประชุมคัดค้านในครั้งนี้ มีเครือข่ายศาสนิกชนทุกศาสนา รวม 67 องค์กร และองค์การงดเหล้า 172 องค์กร ซึ่งเมื่อประกอบกับผู้ที่ยังสำรวจไม่ครบถ้วน ก็เชื่อว่ามีผู้ร่วมสนับสนุนหลายหมื่นคน และมีผู้ร่วมลงชื่อคัดค้านการนำเหล้า เบียร์ เข้าตลาด และสนับสนุนให้มีการออกกฎหมายสร้างภูมิคุ้มกัน แล้วประมาณกว่า 100,000 คน
“อยากให้สื่อมวลชนจัดเวทีเพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือ ไม่เห็นด้วยประชาชนว่าอย่างไร ก็ยึดตามนั้น เพราะเราเป็นประเทศประชาธิปไตย ฟังเสียงข้างมากเป็นสำคัญ ทางเรามีคนไปแสดงความคิดเห็น ซึ่งไม่ใช่เฉพาะชราชน แต่มีเยาวชนมากมาย ทีวีช่องไหนก็ได้ และอยากให้ทางฝั่งผู้ประกอบการจัดตัวแทนมาให้ความคิดเห็นของเขาแล้วให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน” พล.ต.จำลองกล่าว