ร้านขนมจีนบางกอกภายใต้การบริหารงานของนางสาวกนิษณี ส่งวัฒนา ทายาทคนที่ 2 ของนายปรีชา ส่งวัฒนา ผู้บุกเบิกธุรกิจเสื้อผ้าแบรนด์ “ฟลายนาว” ให้เป็นที่โด่งดังจนติดตลาดมานานกว่า 20 ปี โดยผู้เป็นพ่อได้มองการณ์ไกลและต้องการสอนลูกทั้ง 3 คน ซึ่งประกอบด้วย ช่อทิพย์ , กนิษณี และเบญจ์เยี่ยม ส่งวัฒนา ให้เรียนรู้ธุรกิจจากประสบการณ์จริง ด้วยการให้เงินก้อนลูกจำนวนหนึ่งมาลงทุนทำธุรกิจหรือที่เรียกว่าบิซิเนส สคูล (Bussiness School)
ประกอบกับเมื่อ 6 ปีก่อนการดำเนินธุรกิจร้านฟลายนาวที่เดอะมอลล์ บางแคไม่ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นทางครอบครัวส่งวัฒนาจึงมีความเห็นว่าอยากลองเปิดร้านอาหารดูสักตั้ง ซึ่งก็มาลงเอยที่ขนมจีนเพราะเป็นอาหารโปรดของครอบครัว ร้านอาหาร “ขนมจีน บางกอก”แห่งแรกจึงเกิดขึ้น
ในช่วง 3 ปีแรกพี่สาวคนโตคือ ช่อทิพย์ เป็นผู้ดูแลและบุกเบิกก่อนส่งไม้ให้น้องชาย เบญจ์เยี่ยม เป็นผู้ดูแล จนมาล่าสุดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมาธุรกิจได้มีการเปลี่ยนมือมาสู่ "กนิษณี" เป็นผู้ดูแลธุรกิจต่อจากน้องชาย จากนั้นขนมจีน บางกอกก็มีการปรับโฉมครั้งใหญ่หลายส่วนด้วยกัน อาทิ โพซิชั่นนิ่งของร้านให้เป็นรูปแบบเรสเตอรองส์, การปรับปรุงร้านด้วยการเพิ่มสีเขียวเพื่อให้ดูทันสมัยขึ้น และการปรับราคาอาหารขึ้นบางเมนู เป็นต้น
"หลักในการทำงานก็จะทำใกล้เคียงกับแบบเดิม แต่จะมีการยกระดับร้านขนมจีน บางกอกให้เป็นรูปแบบเรสเตอรองส์ เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้น จากเมื่อก่อนที่เป็นแบบฟาสต์ฟู้ดส์และมีกลุ่มลูกค้าแคบ รวมถึงการปรับโลโก้ของร้าน โดยให้คำว่า "ขนมจีน" มีขนาดเล็กลง เพื่อที่ลูกค้าจะเข้ามาทานอาหารในร้านเรามากขึ้น เพราะมีบริการอาหารที่หลากหลาย ทั้งขนมจีน ก๋วยเตี๋ยวและกับข้าว" เป็นคำกล่าวของนายกนิษณี
จุดเด่นของร้านขนมจีน บางกอกจะเน้นที่เป็นร้านอาหารไทย ราคาเหมาะสมและการบริการที่ดี โดยเมนูอาหารในร้านแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ขนมจีน,กับข้าว และก๋วยเตี๋ยว ในราคาเฉลี่ย 70-129 บาท ซึ่งลูกค้าที่มาทานอาหารในร้านมีหลายกลุ่มและเฉลี่ยวันละประมาณ 200 คนต่อสาขา
ปัจจุบันร้านขนมจีน บางกอกมีทั้งหมด 6 สาขา อาทิ เดอะมอลล์ บางแค, มาบุญครอง และเทสโก้ โลตัส จรัญสนิทวงศ์ เป็นต้น ปีนี้มีแผนขยายสาขาด้วยการที่เน้นรูปแบบสแตนด์ อโลนเพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปสู่คนรุ่นใหม่หรือวัยรุ่นมากขึ้น โดยกนิษณี กล่าวว่า การขยายสาขาของร้านขนมจีน บางกอกนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับเงินกำไรจากการดำเนินธุรกิจด้วยว่ามีกำไรมากหรือน้อยเพียงใด ซึ่งในปีนี้เล็งขยายสาขาในย่านแหล่งชุมชน เช่น หน้ามหาวิทยาลัย,ตามท่าเรือ ฯลฯ โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะเปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 3 ล้านบาท
นอกจากนี้เป้าหมายหลักอีกสิ่งหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ คือ ต้องการขยายสาขาร้านขนมจีน บางกอกไปยังต่างประเทศ โดยเล็งเปิดตลาดในประเทศแถบเอเชียก่อน เช่น มาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ก่อนในเรื่องของวิธีการทำอาหารหรือการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ คาดว่าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคงจะได้เห็นขนมจีน บางกอกซึ่งร้านอาหารของคนไทยโกอินเตอร์และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้ภายในระยะเวลา 5 ปี