กรมการค้าภายในสั่งปรับห้างยักษ์และผู้จัดการสาขาฐานติดราคาสินค้าไม่ตรงราคาป้ายเข้าข่ายเอาเปรียบผู้บริโภคหลายราย ร่อนหนังสือเตือนถึงผู้บริหารห้าง ย้ำหากปล่อยให้ผิดซ้ำซากปรับเพิ่มทวีคูณ ระบุกำลังศึกษาข้อดีข้อเสียผิดต่อเนื่องอาจประจานผ่านสื่อ วอนผู้บริโภคพบเห็นพฤติกรรมร้องสายด่วนแม่บ้าน 1569 มีรางวัลค่าปรับให้ด้วย ออกสำรวจตลาดทั้งสถานีบริการน้ำมัน-ตลาดสดย่านเพชรเกษมราคายังเป็นปกติ
นายทรงกลด อุบลสิงห์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กรมการค้าภายในได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคที่เข้าไปจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคในทางห้างสรรพสินค้ารายใหญ่หลายแห่งในเขตกรุงเทพมหานคร โดยบางรายการสินค้า อย่างเช่น นมเมจิ ที่ติดป้ายแสดงราคาไว้ที่ชั้นวางหรือบาร์โค้ด เมื่อผู้บริโภคนำสินค้าดังกล่าวไปจ่ายเงินที่แผนกเก็บเงิน ปรากฏว่า ราคานมเมจิ มีราคาสูงกว่าที่กำหนดไว้ในชั้นวางถึง 50 สตางค์ และยังได้ตรวจพบอีกหลายรายการสินค้าที่ไม่ตรงกัน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ กรมการค้าภายในจะมีหนังสือเตือนไปบ้างแล้ว แต่พฤติกรรมดังกล่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเห็นว่าเป็นการกระทำเข้าข่ายเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างมาก ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าข่ายไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างถูกต้อง จึงได้ลงโทษปรับห้างตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
“ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กรมการค้าภายในได้ดำเนินคดีปรับห้างยักษ์ประมาณ 3-4 ห้างที่มีพฤติกรรมจำหน่ายสินค้าโดยเฉพาะสินค้าในชั้นวางมีราคาไม่ตรงกับช่วงที่เก็บเงิน ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยเตือนไปแล้วรายการสินค้าที่จำหน่ายในชั้นวางจะต้องตรงกับช่วงที่เก็บเงินเพื่อไม่ให้เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค แต่ห้างต่างๆ ก็ยังไม่มีการแก้ไขและได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเข้าข่ายไม่ติดป้ายแสดงราคาอย่างถูกต้อง จึงได้ลงโทษปรับห้างตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท” นายทรงกลด กล่าว
อย่างไรก็ตาม ความผิดในพฤติกรรมดังกล่าวของห้างสรรพสินค้าที่กรมการค้าภายในดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ โดยมีพฤติกรรมติดป้ายแสดงราคาสินค้าไม่ถูกต้อง ซึ่งทางผู้บริโภคได้ร้องเรียนและชี้เบาะแสเข้ามาและได้ส่งทางเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบ โดยพบว่าห้างมีการกระทำดังกล่าวจริง ซึ่งในชั้นความผิดเบื้องต้น จึงได้มีการปรับห้างเป็นจำนวนเงิน 6,000 บาท และยังได้ปรับผู้จัดการสาขาห้างนั้นๆ ที่ไม่ดูแลอีก 6,000 บาท โดยเงินจำนวนดังกล่าวผู้บริโภคที่ร้องเรียนเข้ามาจึงได้รับรางวัลนำจับในฐานะผู้ชี้เบาะแสสัดส่วนร้อยละ 25 ในส่วนของค่าปรับห้างจำนวน 1,500 บาท และหากกรมการค้าภายในยังได้รับการร้องเรียนและตรวจพบพฤติกรรมดังกล่าวอีกก็จะดำเนินคดีปรับเพิ่มทวีคูณ
“กรมการค้าภายในขอเตือนห้างอย่าได้กระทำในลักษณะดังกล่าวอีกและขอฝากถึงผู้บริโภคหากพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวร้องเรียนที่สายด่วนแม่บ้านที่ 1569 ได้ทันที และเท่าที่ได้มีการสอบถามผู้บริหารห้างสรรพสินค้าหลายรายส่วนใหญ่จะไม่รู้เรื่องการกระทำดังกล่าว เนื่องจากอยู่ในการดูแลของผู้จัดการสาขาห้างนั้นๆ เป็นผู้ดูแลเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น กรมการค้าภายในจึงได้ส่งจดหมายถึงผู้บริหารและชี้แจงให้เจ้าของห้างควรหามาตรการและตรวจสอบเรื่องเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่หากเห็นว่าถูกเอารัดเอาเปรียบจะร้องเรียนเข้ามายังสายด่วนแม่บ้าน เฉลี่ยวันละ 300 ราย ทำให้กรมการค้าภายในมีข้อมูลและเบาะแสพฤติกรรมดังกล่าวของแต่ละห้างอย่างใกล้ชิด ขณะนี้กรมการค้าภายในกำลังศึกษาข้อดีและข้อเสีย หากมาตรการปรับและจำคุกไม่ได้ผลเท่าที่ควร ห้างสรรพสินค้าไม่เกรงกลัวก็อาจจะนำมาตรการประจานพฤติกรรมลงทางสื่อต่างๆ ด้วย แต่การใช้มาตรการนี้ต้องคำนึงถึงอาจจะถูกฟ้องกลับด้วยเช่นกัน” นายทรงกลดกล่าว
นายทรงกลด กล่าวถึงผลการออกตรวจสถานีบริการน้ำมันและตลาดสดในย่านถนนเพชรเกษมและพุทธมณฑลว่า เท่าที่ได้ออกตรวจสอบสถานีบริการน้ำมัน โดยเฉพาะหัวจ่ายเพื่อดูปริมาณน้ำมันที่จำหน่ายให้กับประชาชนเป็นอย่างไรนั้น ปรากฏว่า หัวจ่ายสถานีบริการน้ำมันไม่ผิดปกติปริมาณเต็มถัง ส่วนผลการตรวจตลาดสดส่วนใหญ่ราคาสินค้าไม่ผิดปกติ แต่ยอมรับว่าราคาสินค้าเกษตร เช่น ผักสด หมู ไก่ เนื้อสูงขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นไปตามภาวะไม่ได้มีอะไรผิดปกติหรือฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าที่จะเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคแต่อย่างใด
นายทรงกลด อุบลสิงห์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กรมการค้าภายในได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคที่เข้าไปจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคในทางห้างสรรพสินค้ารายใหญ่หลายแห่งในเขตกรุงเทพมหานคร โดยบางรายการสินค้า อย่างเช่น นมเมจิ ที่ติดป้ายแสดงราคาไว้ที่ชั้นวางหรือบาร์โค้ด เมื่อผู้บริโภคนำสินค้าดังกล่าวไปจ่ายเงินที่แผนกเก็บเงิน ปรากฏว่า ราคานมเมจิ มีราคาสูงกว่าที่กำหนดไว้ในชั้นวางถึง 50 สตางค์ และยังได้ตรวจพบอีกหลายรายการสินค้าที่ไม่ตรงกัน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ กรมการค้าภายในจะมีหนังสือเตือนไปบ้างแล้ว แต่พฤติกรรมดังกล่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเห็นว่าเป็นการกระทำเข้าข่ายเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างมาก ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าข่ายไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างถูกต้อง จึงได้ลงโทษปรับห้างตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
“ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กรมการค้าภายในได้ดำเนินคดีปรับห้างยักษ์ประมาณ 3-4 ห้างที่มีพฤติกรรมจำหน่ายสินค้าโดยเฉพาะสินค้าในชั้นวางมีราคาไม่ตรงกับช่วงที่เก็บเงิน ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยเตือนไปแล้วรายการสินค้าที่จำหน่ายในชั้นวางจะต้องตรงกับช่วงที่เก็บเงินเพื่อไม่ให้เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค แต่ห้างต่างๆ ก็ยังไม่มีการแก้ไขและได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเข้าข่ายไม่ติดป้ายแสดงราคาอย่างถูกต้อง จึงได้ลงโทษปรับห้างตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท” นายทรงกลด กล่าว
อย่างไรก็ตาม ความผิดในพฤติกรรมดังกล่าวของห้างสรรพสินค้าที่กรมการค้าภายในดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ โดยมีพฤติกรรมติดป้ายแสดงราคาสินค้าไม่ถูกต้อง ซึ่งทางผู้บริโภคได้ร้องเรียนและชี้เบาะแสเข้ามาและได้ส่งทางเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบ โดยพบว่าห้างมีการกระทำดังกล่าวจริง ซึ่งในชั้นความผิดเบื้องต้น จึงได้มีการปรับห้างเป็นจำนวนเงิน 6,000 บาท และยังได้ปรับผู้จัดการสาขาห้างนั้นๆ ที่ไม่ดูแลอีก 6,000 บาท โดยเงินจำนวนดังกล่าวผู้บริโภคที่ร้องเรียนเข้ามาจึงได้รับรางวัลนำจับในฐานะผู้ชี้เบาะแสสัดส่วนร้อยละ 25 ในส่วนของค่าปรับห้างจำนวน 1,500 บาท และหากกรมการค้าภายในยังได้รับการร้องเรียนและตรวจพบพฤติกรรมดังกล่าวอีกก็จะดำเนินคดีปรับเพิ่มทวีคูณ
“กรมการค้าภายในขอเตือนห้างอย่าได้กระทำในลักษณะดังกล่าวอีกและขอฝากถึงผู้บริโภคหากพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวร้องเรียนที่สายด่วนแม่บ้านที่ 1569 ได้ทันที และเท่าที่ได้มีการสอบถามผู้บริหารห้างสรรพสินค้าหลายรายส่วนใหญ่จะไม่รู้เรื่องการกระทำดังกล่าว เนื่องจากอยู่ในการดูแลของผู้จัดการสาขาห้างนั้นๆ เป็นผู้ดูแลเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น กรมการค้าภายในจึงได้ส่งจดหมายถึงผู้บริหารและชี้แจงให้เจ้าของห้างควรหามาตรการและตรวจสอบเรื่องเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่หากเห็นว่าถูกเอารัดเอาเปรียบจะร้องเรียนเข้ามายังสายด่วนแม่บ้าน เฉลี่ยวันละ 300 ราย ทำให้กรมการค้าภายในมีข้อมูลและเบาะแสพฤติกรรมดังกล่าวของแต่ละห้างอย่างใกล้ชิด ขณะนี้กรมการค้าภายในกำลังศึกษาข้อดีและข้อเสีย หากมาตรการปรับและจำคุกไม่ได้ผลเท่าที่ควร ห้างสรรพสินค้าไม่เกรงกลัวก็อาจจะนำมาตรการประจานพฤติกรรมลงทางสื่อต่างๆ ด้วย แต่การใช้มาตรการนี้ต้องคำนึงถึงอาจจะถูกฟ้องกลับด้วยเช่นกัน” นายทรงกลดกล่าว
นายทรงกลด กล่าวถึงผลการออกตรวจสถานีบริการน้ำมันและตลาดสดในย่านถนนเพชรเกษมและพุทธมณฑลว่า เท่าที่ได้ออกตรวจสอบสถานีบริการน้ำมัน โดยเฉพาะหัวจ่ายเพื่อดูปริมาณน้ำมันที่จำหน่ายให้กับประชาชนเป็นอย่างไรนั้น ปรากฏว่า หัวจ่ายสถานีบริการน้ำมันไม่ผิดปกติปริมาณเต็มถัง ส่วนผลการตรวจตลาดสดส่วนใหญ่ราคาสินค้าไม่ผิดปกติ แต่ยอมรับว่าราคาสินค้าเกษตร เช่น ผักสด หมู ไก่ เนื้อสูงขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นไปตามภาวะไม่ได้มีอะไรผิดปกติหรือฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าที่จะเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคแต่อย่างใด