ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ตลาดเครื่องปรุงรสอาหารมีโอกาสขยายตัวได้อีกมากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ระบุผลจากชาวต่างชาตินิยมรับประทานอาหารไทยมากขึ้น ทำให้เครื่องปรุงรสอาหารของไทยมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นตามไปด้วย คาดปีนี้มูลค่าตลาดเครื่องปรุงรสอาหารในประเทศจะสูงเกือบ 10,000 ล้านบาท
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ปัจจุบันกระแสความนิยมบริโภคเครื่องปรุงรสอาหารในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ตลาดเครื่องปรุงรสอาหารขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคนไทยยอมรับและบริโภคเครื่องปรุงรสที่มีความหลากหลายมากขึ้น ส่วนตลาดในต่างประเทศความนิยมเครื่องปรุงรสอาหารจากประเทศไทยเริ่มขยายตัวไปสู่การวางจำหน่ายบนชั้นในซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ ๆ จากที่เคยจำกัดตัวอยู่ในร้านขายของชำของชาวเอเชีย เนื่องจากชาวต่างชาติหันมานิยมรับประทานอาหารไทยมากขึ้น รวมทั้งการขยายตัวของธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคารไทยในต่างประเทศ ทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้มูลค่าการส่งออกเครื่องปรุงรสอาหารของไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2548 มูลค่าตลาดเครื่องปรุงรสอาหารในประเทศจะมีขนาดใหญ่ถึง 9,700 ล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวของตลาดในแต่ละปีเฉลี่ยร้อยละ 10 ซึ่งตลาดเครื่องปรุงรสอาหารแยกเป็น น้ำปลา คาดว่ามีมูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยเฉพาะตลาดน้ำปลาแท้ มีอัตราขยายตัวร้อยละ 20-30 ขณะที่น้ำปลาผสมและน้ำปลาวิทยาศาสตร์เริ่มหายไปจากตลาด ซอสคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 2,200 ล้านบาท โดยซอสที่เป็นที่นิยมบริโภคของคนไทยคือ ซอสถั่วเหลืองและซอสพริก เครื่องแกง คาดว่าในปี 2548 มูลค่าตลาดเท่ากับ 1,000 ล้านบาท ผงปรุงรส คาดว่าในปี 2548 จะมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกเครื่องปรุงรสอาหารในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เท่ากับ 65.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 คาดว่าในปี 2548 มูลค่าการส่งออกเครื่องปรุงรสอาหารเพิ่มขึ้นเป็น 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปี 2547 เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.1 โดยคาดว่าการส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรป (อียู) จะมีแนวโน้มขยายตัว นอกจากนี้ การเติบโตของผู้บริโภคเครื่องปรุงรสอาหารในต่างประเทศขยายตัวตามการเติบโตของร้านอาหารไทยในต่างประเทศ และการบริโภคในครัวเรือนของชาวเอเชียที่เข้าไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่ 3 ตลอดจนชาวต่างประเทศที่ติดใจในรสชาติอาหารไทย ปัจจุบันเครื่องปรุงรสอาหารของไทยที่ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศไม่ได้จำกัดการจำหน่ายเฉพาะในร้านชำของคนไทย จีน และเวียดนาม เท่านั้น แต่ยังขยายการจำหน่ายไปในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของสหรัฐ นับเป็นมิติใหม่ของสินค้าประเภทเครื่องปรุงรสอาหารที่ยกระดับจากเดิมจากการจำหน่ายในแวดวงคนเอเชีย ทำให้คาดว่าส่วนแบ่งตลาดเครื่องปรุงรสอาหารของไทยในต่างประเทศขยายตัวได้มากขึ้น
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ปัจจุบันกระแสความนิยมบริโภคเครื่องปรุงรสอาหารในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ตลาดเครื่องปรุงรสอาหารขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคนไทยยอมรับและบริโภคเครื่องปรุงรสที่มีความหลากหลายมากขึ้น ส่วนตลาดในต่างประเทศความนิยมเครื่องปรุงรสอาหารจากประเทศไทยเริ่มขยายตัวไปสู่การวางจำหน่ายบนชั้นในซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ ๆ จากที่เคยจำกัดตัวอยู่ในร้านขายของชำของชาวเอเชีย เนื่องจากชาวต่างชาติหันมานิยมรับประทานอาหารไทยมากขึ้น รวมทั้งการขยายตัวของธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคารไทยในต่างประเทศ ทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้มูลค่าการส่งออกเครื่องปรุงรสอาหารของไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2548 มูลค่าตลาดเครื่องปรุงรสอาหารในประเทศจะมีขนาดใหญ่ถึง 9,700 ล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวของตลาดในแต่ละปีเฉลี่ยร้อยละ 10 ซึ่งตลาดเครื่องปรุงรสอาหารแยกเป็น น้ำปลา คาดว่ามีมูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยเฉพาะตลาดน้ำปลาแท้ มีอัตราขยายตัวร้อยละ 20-30 ขณะที่น้ำปลาผสมและน้ำปลาวิทยาศาสตร์เริ่มหายไปจากตลาด ซอสคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 2,200 ล้านบาท โดยซอสที่เป็นที่นิยมบริโภคของคนไทยคือ ซอสถั่วเหลืองและซอสพริก เครื่องแกง คาดว่าในปี 2548 มูลค่าตลาดเท่ากับ 1,000 ล้านบาท ผงปรุงรส คาดว่าในปี 2548 จะมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกเครื่องปรุงรสอาหารในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เท่ากับ 65.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 คาดว่าในปี 2548 มูลค่าการส่งออกเครื่องปรุงรสอาหารเพิ่มขึ้นเป็น 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปี 2547 เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.1 โดยคาดว่าการส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรป (อียู) จะมีแนวโน้มขยายตัว นอกจากนี้ การเติบโตของผู้บริโภคเครื่องปรุงรสอาหารในต่างประเทศขยายตัวตามการเติบโตของร้านอาหารไทยในต่างประเทศ และการบริโภคในครัวเรือนของชาวเอเชียที่เข้าไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่ 3 ตลอดจนชาวต่างประเทศที่ติดใจในรสชาติอาหารไทย ปัจจุบันเครื่องปรุงรสอาหารของไทยที่ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศไม่ได้จำกัดการจำหน่ายเฉพาะในร้านชำของคนไทย จีน และเวียดนาม เท่านั้น แต่ยังขยายการจำหน่ายไปในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของสหรัฐ นับเป็นมิติใหม่ของสินค้าประเภทเครื่องปรุงรสอาหารที่ยกระดับจากเดิมจากการจำหน่ายในแวดวงคนเอเชีย ทำให้คาดว่าส่วนแบ่งตลาดเครื่องปรุงรสอาหารของไทยในต่างประเทศขยายตัวได้มากขึ้น