ยูนิฟ กรีนที เร่งขยายตลาดชาเขียวสู่ภูธร หมายตายึดหัวหาดภาคอีสาน-ใต้ ทุ่ม 100 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญครั้งใหญ่ในรอบปี “ยูนิฟ 7 วันโชคทองกองตรงหน้า” ดึงกาละแม –พัชรศรี เบญจมาศ พรีเซ็นเตอร์ วางหมากอัดโปรโมชันสกัดแบรนด์เล็กดาหน้าชิงเค้ก คาดกระตุ้นยอดขาย 10% ระบุซุ่มศึกษาไซส์เล็กเล็งปั้นขึ้นทำตลาดเสริมทัพ
นายธนวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่ม,น้ำผัก-ผลไม้ ตรายูนิฟ เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดจากนี้ยูนิฟ กรีนทีจะเริ่มบุกตลาดต่างจังหวัดในเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากพบว่าอัตราการบริโภคของตลาดต่างจังหวัดเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากปัจจุบันการทำตลาดยูนิฟ กรีนทีจะเน้นเฉพาะบริเวณกรุงเทพฯและภาคกลางเป็นหลักเท่านั้น โดยบริษัทจะเริ่มทำตลาดเจาะลูกค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ซึ่งเป็นภาคที่มีอัตราการเติบโตในอันดับต้นๆ ผ่านช่องทางทั้งโมเดิร์นเทรดและเทรดดิชันนัลเทรดในสัดส่วนที่เท่ากัน 50:50
“ก่อนหน้านี้การแข่งขันตลาดชาเขียวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้พบว่าการแข่งขันของตลาดชาเขียวจะแข่งในเรื่องของดิสทริบิวชัน หรือการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น โดยที่ผ่านมายูนิฟเน้นการทำตลาดเฉพาะกรุงเทพฯเป็นหลักในสัดส่วนถึง 90% ต่างจังหวัด 10% แต่หลังจากที่เริ่มขยายตลาดสู่ภาคกลาง สัดส่วนกรุงเทพและภาคกลางรวมเป็น 75% ที่เหลือ 25% เป็นภาคอื่นๆ”
สำหรับแผนการทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะหันมาสร้างตราสินค้าให้มีความแข็งแกร่งทั้งในเชิงคอร์ปอเรต โดยเฉพาะยูนิฟ กรีนที เน้นสร้างความแตกต่างที่โดดเด่นจากคู่แข่งในเรื่องของรสชาติ ควบคู่กับการทำโปรโมชัน เนื่องจากการแข่งขันมีความรุนแรงมีสินค้าที่อยู่ในตลาด 35 แบรนด์ ทำให้ล่าสุดได้ทุ่มงบ 100 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ “ยูนิฟ 7 วันโชคทองกองตรงหน้า”แจกสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 100 เส้น ติดต่อกัน 10 สัปดาห์ โดยมีรางวัลใหญ่เป็นขวดยูนิฟทองคำหนัก 100 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม – 10 ตุลาคม 2548
พร้อมกันนี้ยังได้นำ “กาละแม-พัชรศรี เบญจมาศ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแคมเปญ ยูนิฟ 7 วันโชคทองกองตรงหน้า รวมทั้งคาราวานดารานางแบบตระเวนแห่ทอง 12 ล้านบาทไปตามแหล่งชุมชน เริ่มตั้งแต่สวนลุม ไนท์ บาร์ซาร์ สยามเซ็นเตอร์ สามย่าน ถนนพระรามสี่ และยังได้ทุ่มงบ 70 ล้านบาท เปิดตัวโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ ทั้งนี้ถือว่าเป็นการเปิดแคมเปญครั้งใหญ่ในรอบปี และต่อเนื่องจากการเปิดตัวแคมเปญก่อนหน้านั้นซึ่งใช้งบเพียง 50 ล้านบาท
นางสาวชุติมา สุโรจนานนท์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ชาเขียว ยูนิฟ กรีนที บริษัท ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค กรณีที่ยูนิฟ กรีนทีจะปรับขนาดบรรจุภัณฑ์ให้เล็กลงว่าจะมีการตอบรับอย่างไรบ้าง รวมทั้งเตรียมหันมาทำตลาดในลักษณะของอีโมชันมากขึ้น เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ในระยะยาว จากที่ผ่านมาการทำตลาดจะชูในเรื่องของฟังก์ชันนัลหรือประโยชน์จากชาเขียวมาโดยตลอด และในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้านี้จะเปิดตัวรสชาติใหม่ลงสู่ตลาด
ปัจจุบันยูนิฟ กรีนเป็นสินค้าเรือธงสร้างรายได้หลัก 50% น้ำผัก-ผลไม้ 30% และไอเฟิร์ม 20% โดยหลังจากจัดแคมเปญ”ยูนิฟ 7 วันโชคทองกองตรงหน้า” คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆเข้ามาทดลองดื่ม รวมทั้งลูกค้าจากคู่แข่ง จะช่วยผลักดันยอดขาย 10% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 29-30% ขณะที่ตัวน้าผัก-ผลไม้คาดว่าส่วนแบ่งตลาดจะเพิ่มขึ้น 15-20% ส่วนแคมเปญก่อนหน้านั้นสามารถกระตุ้นยอดขาย 20%
นายธนวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่ม,น้ำผัก-ผลไม้ ตรายูนิฟ เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดจากนี้ยูนิฟ กรีนทีจะเริ่มบุกตลาดต่างจังหวัดในเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากพบว่าอัตราการบริโภคของตลาดต่างจังหวัดเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากปัจจุบันการทำตลาดยูนิฟ กรีนทีจะเน้นเฉพาะบริเวณกรุงเทพฯและภาคกลางเป็นหลักเท่านั้น โดยบริษัทจะเริ่มทำตลาดเจาะลูกค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ซึ่งเป็นภาคที่มีอัตราการเติบโตในอันดับต้นๆ ผ่านช่องทางทั้งโมเดิร์นเทรดและเทรดดิชันนัลเทรดในสัดส่วนที่เท่ากัน 50:50
“ก่อนหน้านี้การแข่งขันตลาดชาเขียวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้พบว่าการแข่งขันของตลาดชาเขียวจะแข่งในเรื่องของดิสทริบิวชัน หรือการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น โดยที่ผ่านมายูนิฟเน้นการทำตลาดเฉพาะกรุงเทพฯเป็นหลักในสัดส่วนถึง 90% ต่างจังหวัด 10% แต่หลังจากที่เริ่มขยายตลาดสู่ภาคกลาง สัดส่วนกรุงเทพและภาคกลางรวมเป็น 75% ที่เหลือ 25% เป็นภาคอื่นๆ”
สำหรับแผนการทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะหันมาสร้างตราสินค้าให้มีความแข็งแกร่งทั้งในเชิงคอร์ปอเรต โดยเฉพาะยูนิฟ กรีนที เน้นสร้างความแตกต่างที่โดดเด่นจากคู่แข่งในเรื่องของรสชาติ ควบคู่กับการทำโปรโมชัน เนื่องจากการแข่งขันมีความรุนแรงมีสินค้าที่อยู่ในตลาด 35 แบรนด์ ทำให้ล่าสุดได้ทุ่มงบ 100 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ “ยูนิฟ 7 วันโชคทองกองตรงหน้า”แจกสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 100 เส้น ติดต่อกัน 10 สัปดาห์ โดยมีรางวัลใหญ่เป็นขวดยูนิฟทองคำหนัก 100 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม – 10 ตุลาคม 2548
พร้อมกันนี้ยังได้นำ “กาละแม-พัชรศรี เบญจมาศ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแคมเปญ ยูนิฟ 7 วันโชคทองกองตรงหน้า รวมทั้งคาราวานดารานางแบบตระเวนแห่ทอง 12 ล้านบาทไปตามแหล่งชุมชน เริ่มตั้งแต่สวนลุม ไนท์ บาร์ซาร์ สยามเซ็นเตอร์ สามย่าน ถนนพระรามสี่ และยังได้ทุ่มงบ 70 ล้านบาท เปิดตัวโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ ทั้งนี้ถือว่าเป็นการเปิดแคมเปญครั้งใหญ่ในรอบปี และต่อเนื่องจากการเปิดตัวแคมเปญก่อนหน้านั้นซึ่งใช้งบเพียง 50 ล้านบาท
นางสาวชุติมา สุโรจนานนท์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ชาเขียว ยูนิฟ กรีนที บริษัท ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค กรณีที่ยูนิฟ กรีนทีจะปรับขนาดบรรจุภัณฑ์ให้เล็กลงว่าจะมีการตอบรับอย่างไรบ้าง รวมทั้งเตรียมหันมาทำตลาดในลักษณะของอีโมชันมากขึ้น เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ในระยะยาว จากที่ผ่านมาการทำตลาดจะชูในเรื่องของฟังก์ชันนัลหรือประโยชน์จากชาเขียวมาโดยตลอด และในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้านี้จะเปิดตัวรสชาติใหม่ลงสู่ตลาด
ปัจจุบันยูนิฟ กรีนเป็นสินค้าเรือธงสร้างรายได้หลัก 50% น้ำผัก-ผลไม้ 30% และไอเฟิร์ม 20% โดยหลังจากจัดแคมเปญ”ยูนิฟ 7 วันโชคทองกองตรงหน้า” คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆเข้ามาทดลองดื่ม รวมทั้งลูกค้าจากคู่แข่ง จะช่วยผลักดันยอดขาย 10% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 29-30% ขณะที่ตัวน้าผัก-ผลไม้คาดว่าส่วนแบ่งตลาดจะเพิ่มขึ้น 15-20% ส่วนแคมเปญก่อนหน้านั้นสามารถกระตุ้นยอดขาย 20%