xs
xsm
sm
md
lg

สศอ.สร้างฐานข้อมูลเชิงลึกสิ่งทอรับ FTA

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สศอ.จับมือสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ จัดทำโครงการศูนย์ข้อมูลสิ่งทอเชิงลึก เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลตั้งแต่อุตสาหกรรม ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งให้กับผู้ประกอบการ รับแผนรัฐบาลรุกเปิด FTA กับต่างประเทศ ลุยศึกษาเปิดเสรีอาเซียน-จีน หลังเริ่มบังคับใช้ 20 ก.ค.

นางชุตาภรณ์ ลัมพสาระ
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม หรือ สศอ. เปิดเผยว่า สศอ. ร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เตรียมจัดทำโครงการศูนย์ข้อมูลสิ่งทอเชิงลึก เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลตั้งแต่อุตสาหกรรม ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้กับผู้ประกอบการรับทราบข้อมูลที่สำคัญและนำไปใช้เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น รวมทั้งวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อเสนอแนวทางสู่นโยบายของประเทศในความพร้อมที่จะรับมือกับข้อตกลงการค้าเสรี [FTA] กับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างอาเซียน-จีน ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2548 โดยจะทยอยลดภาษีการค้าในกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม ทำให้ไทยต้องหาช่องทางเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้มากขึ้น

"สำหรับความพร้อมของการเปิดตลาดสิ่งทอไทยภายใต้การเปิด FTA กับประเทศต่าง ๆ เห็นว่า ประเทศไทยมีความได้เปรียบมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ทั้งในเรื่องคุณภาพสินค้า และอัตราภาษี โดยล่าสุดที่ไทยเปิด FTA อาเซียน-จีน ให้ผู้ประกอบการทั้งที่เคยส่งออกหรือกำลังมีแผนการส่งออกคงต้องตื่นตัวในเรื่องนี้เพราะจีนเป็นตลาดการค้าที่ใหญ่ และเป็นทั้งคู่ค้าและคู่แข่งของไทย ซึ่งเชื่อมั่นว่าการที่ไทยมีศูนย์ข้อมูลสิ่งทอครบวงจรจะเป็นแนวทางให้กับผู้ประกอบการได้รู้เท่าทันกับภาวะตลาดที่กำลังดำเนินอยู่และรุกทำตลาดเพื่อเพิ่มยอดส่งออกให้มากขึ้น”นางชุตาภรณ์กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานจะเป็นการศึกษาที่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์สิ่งทอตั้งแต่ระดับต้นน้ำถึงปลายน้ำได้แก่ การผลิตเส้นใยปั่นด้าย ทอผ้าและถักผ้า ฟอกย้อมพิมพ์แต่งสำเร็จ และตัดเย็บเสื้อผ้า โดยจะเป็นรูปแบบของศูนย์กลางข้อมูลเชิงลึกที่ผู้ประกอบการจะติดตามสถานการณ์ได้ทั้งระบบ อีกทั้งทำการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะนโยบายในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศเสนอต่อรัฐบาล อาทิ ข้อตกลงการเปิดเขต การค้าเสรี [FTA] แนวโน้มธุรกิจแฟชั่น การรวมกลุ่มอุตสาหกรรม [Cluster] แนวโน้มเทคโนโลยีสิ่งทอ ความต้องการด้านกำลังคนของอุตสาหกรรม ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคของกฎระเบียบภายในประเทศ

นางชุตาภรณ์กล่าวเสริมว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง โดยปัจจุบันมีมูลค่าการจ้างงานสูงถึง 1.08 ล้านคน จากโรงงานทั้งหมดจำนวนกว่า 4,600 โรงงาน สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นมูลค่ามหาศาล ดังนั้น การจัดทำโครงการดังกล่าวเป็นแผนหนึ่งของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ต้องการกระตุ้นให้อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมีศักยภาพการแข่งขันและสามารถสร้างรายได้จากการส่งออกให้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 200,000 ล้านบาทต่อปี

ด้านนายวิรัตน์ ตันเดชานุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยว่า ในภาพรวมของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ภายหลังการเปิดการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับจีนในวันที่ 20ก.ค.48 ไทยคงจะได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากภาษีนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (T&C) ของไทยตามกรอบ WTO คือ 0-5% สำหรับสิ่งทอ และ 10-20% สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศจีน การเปิดเสรีจึงเป็นโอกาสดีของสินค้าไทย เพราะจีนเป็นตลาดใหญ่ มีกลุ่มผู้บริโภคหลายประเภท โดยส่วนหนึ่งจะบริโภคสินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ดังนั้น สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทย ก็มีจุดแข็งในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งยังเป็นที่ยอมรับจากตลาดที่สำคัญ เช่น สหรัฐ สหภาพยุโรป (EU) และกลุ่มประเทศอาเซียนอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะมีผลกระทบมากนัก

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มยังคงต้องมีการพัฒนาไปอีกไกล โดยเฉพาะในเรื่องของการทำวิจัยและพัฒนา R&D ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องจักรที่ทันสมัยเข้ามาเกี่ยวข้อง นับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยสร้างผลผลิตนวัตกรรมใหม่ ๆ สร้างความหลากหลายและยังได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ทำให้เกิดความแตกต่างจากคู่แข่งอื่นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น