กันตนา ทุ่ม 40 ล้านบาท คลอดรายการเรียลลิตี้โชว์ ซีรี่ส์ 2 เดือนตุลาคม นี้ เล็งซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศสร้างกระแสต่อ ล่าสุดพิจารณาซีรี่ส์ 2 รูปแบบรายการประกวด”นักแสดง” หรือ “นักธุรกิจ” โชว์ “บิ๊ก บราเธอร์” สร้างกำไร 10% ส่วนแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์เลื่อนยาวเดือนพฤศจิกายน หลังสภาพตลาดไม่เอื้ออำนวย
นางศศิกร ฉันท์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากรายการเรียลลิตี้โชว์ “บิ๊ก บราเธอร์” จบลงเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมานี้ ขณะนี้บริษัทได้เตรียมรายการเรียลลิตี้โชว์ ซีรี่ส์ที่สอง ออกอากาศในช่วงเดือนตุลาคมนี้ โดยรูปแบบของรายการจะเป็นการซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศในโซนยุโรป เช่น ฮอลแลนด์ สวีเดน ซึ่งเป็นประเทศต้นแบบของรายการเรียลลิตี้โชว์ ล่าสุดมีผู้ประกอบการเสนอรูปแบบรายการเรียลลิตี้โชว์ให้กับทางบริษัทร่วม 100 รูปแบบ ซึ่งคาดว่าบริษัทจะใช้งบในการซื้อลิขสิทธิ์ใหม่นี้ 60,000- 150,000 เหรียญสหรัฐ
สำหรับเรียลลิตี้โชว์ซีรี่ส์สอง ประมาณการณ์ว่าใช้งบลงทุน 40 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรายการบิ๊ก บราเธอร์ลงทุน 80 ล้านบาท ขณะนี้กำลังพิจารณารูปแบบรายการ 2 รูปแบบ คือ เป็นการประกวดนักแสดง หรือนักธุรกิจ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นรูปแบบของการประกวดนักแสดงมากกว่า เพราะเข้ากับช่วงฤดูกาลมากกว่า อย่างไรก็ตามหลังจากที่บริษัทสรุปรูปแบบรายการได้แล้ว ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้จะเริ่มประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง
ขณะที่รายการบิ๊ก บราเธอร์ บริษัทจะนำกลับมาทำอีกในปีหน้าโดยรูปแบบของรายการจะแตกต่างจากภาคแรกที่เพิ่งจบไป ทั้งนี้เพื่อสร้างความแตกต่างและความแปลกใหม่ให้กับผู้ชม เนื่องจากการทำเรียลลิตี้โชว์รูปแบบเดียวกันหลายครั้ง จะทำให้ผู้ชมเกิดความเบื่อหน่ายรายการที่สามารถคาดเดาได้ว่าจะออกมาในลักษณะไหน โดยพบว่าในออสเตรเลีย ผู้ชมเมื่อชมรายการเรียลลิตี้โชว์รูปแบบเดียวกันถึง 6 ครั้ง จะเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย
“การทำรายการเรียลลิตี้โชว์ ของบริษัทกันตนาจะเน้นภายใต้การถ่ายจริง 24 ชั่วโมง เพื่อให้คนดูสามารถจับต้องได้ ไม่ใช่เรื่องที่นำมาปรุงแต่ง อย่างไรก็ตามขณะนี้พิสูจน์ได้แล้วว่า รายการเรียลลิตี้โชว์ในเมืองไทยถือว่าเป็นรายการที่ประสบความสำเร็จมาก เพราะคนต้องการดูสิ่งที่เป็นเรื่องจริงมากขึ้น โดยรายการเรียลลิตี้ที่ประสบความสำเร็จ อาทิ จ้อจี้ ซุปเปอร์เก๊ก คดีเด็ด”
สำหรับรายได้จากรายการบิ๊ก บราเธอร์ มากกว่า 80 ล้านบาท หรือมีกำไรประมาณ 10% แบ่งเป็นรายได้มาจาก เอสเอ็มเอส เฉลี่ยมีผู้โหวตจำนวน 3 แสนคนต่อวัน โดยแชร์รายได้กับเจ้าของระบบ และเจ้าของลิขสิทธิ์ รายได้จากค่าสปอนเซอร์ 8 ราย และค่าโฆษณา อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาสร้างมูลค่าเพิ่ม ด้วยการนำเสนอให้รายการทีวีจากต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม และอินโดนีเซีย เช่าบ้านที่บริษัทกันตนาสร้างขึ้นในถ่ายทำรายการเรียลลิตี้โชว์
“รายการเรียลลิตี้โชว์ในต่างประเทศ รายได้จะมาจากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น การใช้ระบบจาวาทางโทรศัพท์มือถือ วิดีโอ คลิฟ และจากทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งในประเทศไทยยังไม่ได้พัฒนาไปถึงระดับนั้น ซึ่งหากมีการพัฒนาขึ้นรายการเรียลลิตี้โชว์จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากหลายช่องทาง”
นางศศิกร กล่าวถึงความคืบหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ว่า ขณะนี้ไฟล์ลิ่งได้หมดอายุไปแล้ว แต่ทางกลต.ได้เลื่อนให้ถึงเดือนพฤศจิกายนนี้ จากเดิมที่จะต้องเข้าตลาดก่อนเดือนกรกฎาคมนี้ อย่างไรก็ตามบริษัทจะต้องมาพิจารณาถึงการเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งหนึ่ง เพราะสถานการณ์ทางตลาดขณะนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อการเข้าตลาดหลักทรัพย์มากนัก มีเจ้าของสินค้าหลายรายเริ่มจำกัดการโฆษณาลง รวมทั้งต้องรอผลสรุปการซื้อหุ้นของไอทีวีในช่วงเดือนตุลาคมนี้ก่อน อย่างไรก็ตามการซื้อหุ้นของไอทีวี บริษัทจะซื้อก็ได้ไม่ซื้อก็ได้ เพราะเป็นแค่การลงนามกันเท่านั้น
นายทรงศักดิ์ เปรมสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นโยบายของไอทีวีได้วางไว้ผังรายการในช่วงเวลา 22.30น.เป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ ซึ่งใน 1 ปี จะมีทั้งหมด 4 ซีรี่ส์ ซีรี่ส์ละ 3 เดือน จับกลุ่มเป้าหมายอายุ 15-24 ปี โดยหลังจากออกอากาศรายการบิ๊ก บราเธอร์ สร้างกระแสความนิยมให้กับไอทีวีในระยะเวลาอันรวดเร็ว มีเรตติ้งพุ่งสูงสุดในกลุ่มผู้ชมอายุ 15-24 ปี ล่าสุดได้เตรียมนำรายการ อะคาเดมี่ แฟนตาเซีย 2 ของยูบีซีออกอากาศต่อจากรายการบิ๊ก บราเธอร์ที่เพิ่งจบลงไปนี้