xs
xsm
sm
md
lg

ริชมอนเด้ชงโมเดลยุโรปให้รัฐ ยันถ้าใช้สูตรเดิมส่งผลสุราเถื่อนโต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ริชมอนเด้ชงโมเดลยุโรปเสนอภาครัฐจัดเก็บภาษีปริมาณดีกรี 450 บาท ชูข้อดีรัฐมีรายได้เพิ่ม เหล้านำเข้าลดลง 4% พ่วงสกัดสินค้าหนีภาษี  แฉข้อมูลระบบจัดเก็บภาษีแบบก้าวหน้าพ่นพิษช่วง 7 ปี กระทุ้งตลาดเหล้าอีโคโนมีโตพรวด พบกลุ่มวัยรุ่นพลังขับเคลื่อนน้ำเมาราคาถูกพุ่ง

นายวรเทพ รางชัยกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตระกูลจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เลเบิ้ล เปิดเผยว่า จากแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีของภาครัฐ ริชมอนเด้ให้การสนับสนุนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตโดยคำนวณตามปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์มากกว่าการใช้ระบบการจัดภาษีแบบก้าวหน้าหรือรูปแบบปัจจุบัน เนื่องจากพบว่าตลอดช่วงปี 2540 ถึง 2546 รัฐบาลได้ปรับอัตราภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระบบแบบก้าวหน้ารวม 5 ครั้ง แต่ปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้าจากต่างประเทศกลับสูงขึ้นถึง 134% ขณะเดียวกันส่งผลให้คนไปดื่มสุราราคาถูกแต่มีปริมาณแอลกอฮอล์มากขึ้น เช่น มาสเตอร์ เบลน โกลเด้นท์ไนท์ สเปย์รอยัล โดยพบว่าเหล้าอีโคโนมีมีสัดส่วนถึง 80% ของตลาดเหล้านำเข้า จากในปี 2540 เหล้าอีโคโนมีมีสัดส่วน 3%

ทั้งนี้ หากภาครัฐจัดเก็บภาษีในรูปแบบเดิมจะสนับสนุนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสุราราคาถูก โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ผลักดันตลาดเหล้าระดับอีโคโนมีเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 7 ปีที่ผ่านมานี้ แต่การจัดเก็บภาษีคำนวณตามปริมาณดีกรี ทำให้เหล้าอีโคโนมีมีราคาสูงมากขึ้น หรือขยับเพิ่มเป็นจาก 200 บาทเป็น 400 บาท ขณะที่ตลาดสก็อตชนิดซูเปอร์ดีลักซ์ ยกตัวอย่าง จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ก เลเบิ้ล ราคาลดลงจากกว่า 900 บาท เหลือ 800 บาท อีกทั้งยังผลักดันให้ตลาดเหล้านำเข้าลดลง 4%

โมเดลที่เหมาะอัตราภาษีไม่เกิน 500 บ.
นายวรเทพ กล่าวว่า จากปัจจุบันเหล้าวิสกี้ราคาถูก ภาษีที่จ่าย 240 บาทต่อปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 1 ลิตร ขณะที่สก็อตมาตรฐาน ภาษีที่จ่าย 246 บาทต่อปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 1 ลิตรก็ขยับตามด้วย และตลาดสก็อตชนิดซูเปอร์ดีลักซ์ ราว 1,323 บาทต่อปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 1 ลิตร เป็นต้น ซึ่งโมเดลที่เหมาะสมการเก็บภาษีควรอยู่ในอัตราไม่เกิน 500 บาทต่อปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 1 ลิตร หรือราว 450 บาท เพราะการจัดเก็บภาษีในอัตรา 500 บาทต่อปริมาณแอลกอฮอล์ถือว่าสูงเกินไป และการขึ้นราคาของสินค้าบางตัวก็อาจนำไปสู่การผลิตสุราที่ไม่ได้รับอนุญาติ รวมถึงเป็นไปได้ที่จะมีการลักลอบนำสุราราคาถูกจากต่างประเทศ

“ปัจจุบันพบว่ามีผู้ลักลอบนำเหล้าจอห์นนี่วอล์เกอร์ แบล็ก เลเบิ้ล เพิ่มขึ้นเกือบ 30-40% ซึ่งหากภาครัฐยังดำเนินการจัดเก็บภาษีในรูปแบบเดิมโดยคิดในอัตราที่เพิ่มขึ้น จะยิ่งทำให้ปัญหาการลักลอบนำเหล้าเข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามการจัดภาษีในรูปแบบใหม่ควรคำนึงกรณีดังกล่าวด้วย โดยไม่ควรให้เหล้าจากประเทศเพื่อนบ้านหรืออื่นๆ มีราคาที่ห่างกันมาก อย่างน้อย 10-20% ก็พอ”

สำหรับโมเดลในยุโรปกว่า 93% เป็นการจัดเก็บภาษีคำณวนตามปริมาณแอลกอฮอล์ โดยกลุ่มเบียร์ ปริมาณแอลกอฮอล์ 0-10% ภาษีที่จ่าย 300 บาท กลุ่มไวน์ ปริมาณแอลกอฮอล์ 20-30% ภาษีที่จ่ายในอัตรา 350% และเหล้าวิสกี้ ปริมาณแอลกอฮอล์ 30% ขึ้นไป ภาษีที่จ่าย450% ซึ่งพบว่าในประเทศออสเตรเลียได้นำระบบดังกล่าวใช้เมื่อปี 2543 ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น 40% ขณะเดียวกันสามารถลดอัตราการบริโภคลง นอกจากนี้จากประสบการณ์ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 180 ประเทศ พบว่ามีเพียงไม่ถึง 10 ประเทศเท่านั้นที่ใช้ระบบการจัดภาษีแบบก้าวหน้า     
 
คิดตามดีกรีรายได้ภาครัฐเพิ่ม
นายวรเทพ กล่าวว่า ปัจจุบันเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตในประเทศมีสัดส่วน 55% ของตลาดทั้งหมด แต่กลับเสียภาษีในอัตราที่น้อยมาก หรือตามอัตราก้าวหน้า โดยข้อมูลของกรมสรรพสามิตปี 2547 แสดงให้เห็นว่าภาษีที่เก็บจากสุราท้องถิ่นคิดเป็น 26% ของรายได้ของภาษีสรรพสามิตทั้งหมดเท่านั้น ทางริชมอนเด้คำณวนว่าตัวเลขนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงจากนี้ในปี 2548 ส่วนสุราขาวท้องถิ่นคิดเป็น 34% ของปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จำหน่ายในประเทศไทย จะมีการเสียภาษีสรรพสามิตในราว 5% ของรายได้จากการจัดเก็บภาษีสุราทั้งหมด ทั้งนี้หากภาครัฐปรับโครงสร้างภาษีโดยคำนวณตามปริมาณดีกรี ภาครัฐจะสามารถจัดเก็บสุราท้องถิ่นเพิ่มจาก 26% เป็น 37% ในปีแรก
กำลังโหลดความคิดเห็น