“ศิริวัฒนาฯ” ปรับธุรกิจรับมือตลาดสิ่งพิมพ์ในประเทศชะลอตัว หันจับตลาดนอก ได้แก่ อเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย เล็งเปิดตลาดใหม่อัฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง พร้อมปรับสัดส่วนการส่งออกเป็น 80% ของกำลังการผลิต ระบุค่าเงินบาทอ่อนตัวยิ่งเป็นปัจจัยบวกเพิ่มศักยภาพการแข่งขันที่ทำให้สินค้าถูกกว่าคู่แข่งอย่างจีนแดงถึง 8% ด้านอมรินทร์พริ้นติ้งยอมรับตลาดสิ่งพิมพ์ปีนี้หดตัว ผลกระทบจากเศรษฐกิจ ส่งผลสำนักพิมพ์ระวังตัวเรื่องการออกหนังสือใหม่
นายพรเทพ สามัตถิยดีกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศิริวัฒนา อินเตอร์ พรินท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงพิมพ์ของศิริวัฒนาไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดสิ่งพิมพ์ในประเทศชะลอตัว เพราะได้หันมาเน้นส่งออก หรือคิดเป็นสัดส่วน 80% ของกำลังการผลิต โดยส่งออกสิ่งพิมพ์ในรูปหนังสือปกแข็งเล่มหนา พิมพ์ 4 สี ไปยังตลาดในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย เป็นหลัก ซึ่งคาดว่าปีนี้ตลาดส่งออกจะโตถึง 50% รวมมูลค่าการส่งออกกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวจะทำให้เป็นปัจจัยบวกสำหรับการส่งออกได้เป็นอย่างดี โดยทำให้สิ่งพิมพ์ของเรามีราคาถูกกว่าคู่แข่งอันดับ 1 อย่างจีนถึง 8% นอกจากนั้นเรายังเล็งหาตลาดใหม่ เช่น อัฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง โดยปีนี้คาดว่าอัตราการเติบโตทั้งบริษัทฯ ประมาณ 30% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ประสบปัญหาต้นทุนค่าขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น ขณะที่คู่แข่งรายอื่นอย่างสิงคโปร์และฮ่องกงได้ปรับตัวโดยย้ายมาเปิดโรงพิมพ์ในจีนมากขึ้น เพื่อแข่งขันด้านต้นทุนกับไทย
สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ในประเทศนั้น ปีนี้คาดว่าจะโต 5% น้อยกว่าปีก่อนที่โตถึง 20% เนื่องจากดีมานด์สิ่งพิมพ์ในประเทศลดลง จากภาวะที่ผู้บริโภคกำลังช็อกจากราคาน้ำมัน และราคาสินค้าในท้องตลาดที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนการผลิตด้านค่าไฟฟ้าและค่าขนส่งเพิ่มขึ้นด้วยประมาณ 2-3% ส่วนด้านซัปพลายก็กำลังเกิดภาวะโอเวอร์ ดังนั้นผู้ผลิตจึงควรมองหาตลาดต่างประเทศเป็นทางออก เพราะยังมีดีมานด์ขนาดใหญ่ โดยปัจจุบันมีโรงพิมพ์ไทยเพียง 2-3 รายเท่านั้นที่ส่งออก
ทางด้านนางสาวระริน อุทกะพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดในประเทศโดยภาพรวมปีนี้เติบโตต่ำกว่า 20% ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้ว จากสถิติการขายหนังสือหน้าร้านนายอินทร์ระหว่างเดือนมกราคม–พฤษภาคม 2548 พบว่ามีหนังสือเล่มหรือพ็อกเก็ตบุ๊กออกใหม่ลดลงเหลือประมาณ 600–700 เรื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีถึง 1,000 เรื่อง ขณะที่บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งฯ ออกหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กลดลง 2-3% สะท้อนให้เห็นว่าสำนักพิมพ์ต่างๆ ระมัดระวังในการออกหนังสือมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำนักพิมพ์รายใหญ่ออกนิตยสารหัวใหม่จำนวนมาก โดยเป็นการซื้อหัวหนังสือจากต่างประเทศ หนังสือประเภทฮาวทูกำลังมาแรง ผู้บริโภคตื่นตัวที่จะพัฒนาตัวเองมากขึ้น ทำให้สื่อหนังสือและนิตยสารซึ่งเป็นโนวเลดจ์ เบส ราคาถูกได้รับความนิยม โดยคาดว่าปีนี้บริษัทฯ จะมียอดขายโต 10% ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่โต 20% อย่างไรก็ตามผลกำไรไม่โตเท่ายอดขาย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่ากระดาษ และค่าขนส่งที่สูงขึ้น ทำให้ปลายปีนี้จะปรับราคานิตยสารทั้ง 9 หัวเพิ่มขึ้น 5-10% หรือฉบับละ 10 บาท ส่วนการลงทุนใหม่ๆ นั้น ปลายปีนี้จะเปิดตัวรายการโทรทัศน์ 1 รายการ เพื่อเพิ่มช่องทางการนำเสนอเนื้อหาสาระเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น
นายพรเทพ สามัตถิยดีกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศิริวัฒนา อินเตอร์ พรินท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงพิมพ์ของศิริวัฒนาไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดสิ่งพิมพ์ในประเทศชะลอตัว เพราะได้หันมาเน้นส่งออก หรือคิดเป็นสัดส่วน 80% ของกำลังการผลิต โดยส่งออกสิ่งพิมพ์ในรูปหนังสือปกแข็งเล่มหนา พิมพ์ 4 สี ไปยังตลาดในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย เป็นหลัก ซึ่งคาดว่าปีนี้ตลาดส่งออกจะโตถึง 50% รวมมูลค่าการส่งออกกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวจะทำให้เป็นปัจจัยบวกสำหรับการส่งออกได้เป็นอย่างดี โดยทำให้สิ่งพิมพ์ของเรามีราคาถูกกว่าคู่แข่งอันดับ 1 อย่างจีนถึง 8% นอกจากนั้นเรายังเล็งหาตลาดใหม่ เช่น อัฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง โดยปีนี้คาดว่าอัตราการเติบโตทั้งบริษัทฯ ประมาณ 30% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ประสบปัญหาต้นทุนค่าขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น ขณะที่คู่แข่งรายอื่นอย่างสิงคโปร์และฮ่องกงได้ปรับตัวโดยย้ายมาเปิดโรงพิมพ์ในจีนมากขึ้น เพื่อแข่งขันด้านต้นทุนกับไทย
สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ในประเทศนั้น ปีนี้คาดว่าจะโต 5% น้อยกว่าปีก่อนที่โตถึง 20% เนื่องจากดีมานด์สิ่งพิมพ์ในประเทศลดลง จากภาวะที่ผู้บริโภคกำลังช็อกจากราคาน้ำมัน และราคาสินค้าในท้องตลาดที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนการผลิตด้านค่าไฟฟ้าและค่าขนส่งเพิ่มขึ้นด้วยประมาณ 2-3% ส่วนด้านซัปพลายก็กำลังเกิดภาวะโอเวอร์ ดังนั้นผู้ผลิตจึงควรมองหาตลาดต่างประเทศเป็นทางออก เพราะยังมีดีมานด์ขนาดใหญ่ โดยปัจจุบันมีโรงพิมพ์ไทยเพียง 2-3 รายเท่านั้นที่ส่งออก
ทางด้านนางสาวระริน อุทกะพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดในประเทศโดยภาพรวมปีนี้เติบโตต่ำกว่า 20% ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้ว จากสถิติการขายหนังสือหน้าร้านนายอินทร์ระหว่างเดือนมกราคม–พฤษภาคม 2548 พบว่ามีหนังสือเล่มหรือพ็อกเก็ตบุ๊กออกใหม่ลดลงเหลือประมาณ 600–700 เรื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีถึง 1,000 เรื่อง ขณะที่บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งฯ ออกหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กลดลง 2-3% สะท้อนให้เห็นว่าสำนักพิมพ์ต่างๆ ระมัดระวังในการออกหนังสือมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำนักพิมพ์รายใหญ่ออกนิตยสารหัวใหม่จำนวนมาก โดยเป็นการซื้อหัวหนังสือจากต่างประเทศ หนังสือประเภทฮาวทูกำลังมาแรง ผู้บริโภคตื่นตัวที่จะพัฒนาตัวเองมากขึ้น ทำให้สื่อหนังสือและนิตยสารซึ่งเป็นโนวเลดจ์ เบส ราคาถูกได้รับความนิยม โดยคาดว่าปีนี้บริษัทฯ จะมียอดขายโต 10% ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่โต 20% อย่างไรก็ตามผลกำไรไม่โตเท่ายอดขาย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่ากระดาษ และค่าขนส่งที่สูงขึ้น ทำให้ปลายปีนี้จะปรับราคานิตยสารทั้ง 9 หัวเพิ่มขึ้น 5-10% หรือฉบับละ 10 บาท ส่วนการลงทุนใหม่ๆ นั้น ปลายปีนี้จะเปิดตัวรายการโทรทัศน์ 1 รายการ เพื่อเพิ่มช่องทางการนำเสนอเนื้อหาสาระเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น