เบบี้ มายด์ ชูแผนไล่บี้จอห์นสัน ตั้งเป้าสิ้นปีขึ้นเป็นผู้นำตลาดสบู่เหลวเทียบจอห์นสันครองแชร์ 34% ทุ่ม 30 ล้านบาทอัดกิจกรรมปลุกสูตรทูอินวัน “เบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์” ส่วนปลายปีเปิดตัวสูตรใหม่ หวังดันแชร์ทิ้งห่างคู่แข่งเพิ่มเป็น 38-39%
นางเกศสุดา ยะโสธร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กตราเบบี้มายด์ เปิดเผยว่า บริษัทได้วางเป้าหมายให้สบู่เหลวเด็กเบบี้มายด์สิ้นปีนี้จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก 28.5% เป็น 34% ไล่เลี่ยกับจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งเป็นผู้นำตลาดในปัจจุบันที่มีส่วนแบ่ง 33.9% บริษัทจะดำเนินนโยบายการตลาดในเชิงรุก สบู่เหลวสูตรเบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ ผลิตภัณฑ์ชนิดทูอินวัน สามารถใช้ได้ทั้งทำความสะอาดผิวและเส้นผมในครึ่งปีหลังนี้ โดยใช้งบการตลาด 30 ล้านบาท
สำหรับการทำตลาดประเดิมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ภายใต้แนวคิดที่มุ่งหวังในการให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์และเปิดตัวโครงการ “Aqua Babi Mild”ให้ความรู้เรื่องการออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังได้ปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ จัดโปรแกรม รอยัลตี้ มอบส่วนลดเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์และสินค้าจากพันธมิตร 20-30% จัดงานสัมมนาให้แก่สมาชิกซึ่งมีกว่า 10,000 ราย โดยคาดว่าจะผลักดันให้สบู่เหลวเบบี้ มายด์มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 4%ในสิ้นปีนี้
ขณะเดียวกันปลายปีนี้วางแผนเปิดตัวสบู่เหลวเด็กสูตรใหม่ลงสู่ตลาดเป็นสูตรที่สามจากปัจจุบันเบบี้มายด์ มีด้วยกัน 2 สูตร ได้แก่ เบบี้ มายด์ อัลตร้ามายด์ และเบบี้มายด์ ดับเบิ้ล มิ้ลค์ โปรตีน บาธ ซึ่งบริษัทยังได้เตรียมแผนผลักดันให้ทั้งสองสูตรเดิมเติบโตไปพร้อมกันหรือส่วนแบ่งใกล้เคียงกัน ทั้งนี้คาดว่าหลังจากเปิดตัวสูตรใหม่อย่างน้อยจะผลักดันให้เบบี้ มายด์ มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 4-5% หรือมีส่วนแบ่งเป็น 38-39%
ทั้งนี้ผลวิจัยพบว่า พฤติกรรมของผู้ที่ใช้สบู่เหลวเด็กจะมีความภักดีต่อตราสินค้าสูง และมักซื้อสินค้าเพราะความเคยชินหรือใช้มาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่แล้ว ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากที่ไม่เคยใช้สินค้า ดังนั้นบริษัทจึงได้เตรียมแจกสินค้าตัวอย่าง 2 ชิ้น ช่วง1-2 เดือน ผ่านช่องทางโรงพยาบาลที่เป็นพันธมิตร 100 แห่ง และห้างสรรพสินค้าทั่วไปได้ทดลองใช้สินค้า ซึ่งพบว่ากว่า 90% ที่ทดลองใช้สินค้าจะเปลี่ยนใจมาใช้ผลิตภัณฑ์ของเบบี้ มายด์
“ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เบบี้มายด์โตแบบก้าวกระโดด ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันโต 145% และทั้งปีคาดว่าการเติบโตเชิงมูลค่า 101% บริษัทเล็งเห็นว่าโอกาสที่เบบี้มายด์ จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดสบู่เหลวเด็กได้ไม่ยากนัก เพราะปัจจุบันเบบี้มายด์มี 2 สูตร เมื่อเทียบกับจอห์นสันฯผู้นำตลาดมี 4 สูตร อีกทั้งสองสูตรซึ่งเป็นเซกเมนต์เดียวกัน เบบี้มายด์ยังมีส่วนแบ่งที่มากกว่า โดยเบบี้ มายด์ อัลตร้ามี 13.1% ส่วนจอห์นสัน ทอป ทู โทน 6.9% เบบี้ มายด์ ดับเบิ้ล มิ้ลค์ โปรตีน บาธ 15.4% ขณะที่จอห์นสัน มิ้ลค์ บาธ 14.5%”
แนวโน้มตลาดสบู่เหลวเด็กมูลค่า 300 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดสบู่เหลวรวม 1,500 ล้านบาท ช่วงครึ่งปีแรกอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 35% และคาดว่าสิ้นปีนี้มูลค่าตลาดจะขยับเพิ่มขึ้น 320 ล้านบาท
สำหรับรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์เบบี้มายด์ปีนี้ ตั้งเป้าเติบโต 20% หรือมีรายได้ 1,000 ล้านบาท ประกอบด้วย กลุ่มซักล้าง เป็นกลุ่มสินค้าเรือธงหลัก ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนปรับราคาสินค้าในกลุ่มเบบี้ มายด์ ซึ่งต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น 15% ขณะที่สบู่ก้อนเป็นกลุ่มที่ต้องแบกรับต้นทุนมากสุด คือ 20% และเป็นกลุ่มเดียวที่บริษัทมีแผนจะปรับราคาขึ้น
นางเกศสุดา ยะโสธร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กตราเบบี้มายด์ เปิดเผยว่า บริษัทได้วางเป้าหมายให้สบู่เหลวเด็กเบบี้มายด์สิ้นปีนี้จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก 28.5% เป็น 34% ไล่เลี่ยกับจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งเป็นผู้นำตลาดในปัจจุบันที่มีส่วนแบ่ง 33.9% บริษัทจะดำเนินนโยบายการตลาดในเชิงรุก สบู่เหลวสูตรเบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ ผลิตภัณฑ์ชนิดทูอินวัน สามารถใช้ได้ทั้งทำความสะอาดผิวและเส้นผมในครึ่งปีหลังนี้ โดยใช้งบการตลาด 30 ล้านบาท
สำหรับการทำตลาดประเดิมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ภายใต้แนวคิดที่มุ่งหวังในการให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์และเปิดตัวโครงการ “Aqua Babi Mild”ให้ความรู้เรื่องการออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังได้ปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ จัดโปรแกรม รอยัลตี้ มอบส่วนลดเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์และสินค้าจากพันธมิตร 20-30% จัดงานสัมมนาให้แก่สมาชิกซึ่งมีกว่า 10,000 ราย โดยคาดว่าจะผลักดันให้สบู่เหลวเบบี้ มายด์มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 4%ในสิ้นปีนี้
ขณะเดียวกันปลายปีนี้วางแผนเปิดตัวสบู่เหลวเด็กสูตรใหม่ลงสู่ตลาดเป็นสูตรที่สามจากปัจจุบันเบบี้มายด์ มีด้วยกัน 2 สูตร ได้แก่ เบบี้ มายด์ อัลตร้ามายด์ และเบบี้มายด์ ดับเบิ้ล มิ้ลค์ โปรตีน บาธ ซึ่งบริษัทยังได้เตรียมแผนผลักดันให้ทั้งสองสูตรเดิมเติบโตไปพร้อมกันหรือส่วนแบ่งใกล้เคียงกัน ทั้งนี้คาดว่าหลังจากเปิดตัวสูตรใหม่อย่างน้อยจะผลักดันให้เบบี้ มายด์ มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 4-5% หรือมีส่วนแบ่งเป็น 38-39%
ทั้งนี้ผลวิจัยพบว่า พฤติกรรมของผู้ที่ใช้สบู่เหลวเด็กจะมีความภักดีต่อตราสินค้าสูง และมักซื้อสินค้าเพราะความเคยชินหรือใช้มาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่แล้ว ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากที่ไม่เคยใช้สินค้า ดังนั้นบริษัทจึงได้เตรียมแจกสินค้าตัวอย่าง 2 ชิ้น ช่วง1-2 เดือน ผ่านช่องทางโรงพยาบาลที่เป็นพันธมิตร 100 แห่ง และห้างสรรพสินค้าทั่วไปได้ทดลองใช้สินค้า ซึ่งพบว่ากว่า 90% ที่ทดลองใช้สินค้าจะเปลี่ยนใจมาใช้ผลิตภัณฑ์ของเบบี้ มายด์
“ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เบบี้มายด์โตแบบก้าวกระโดด ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันโต 145% และทั้งปีคาดว่าการเติบโตเชิงมูลค่า 101% บริษัทเล็งเห็นว่าโอกาสที่เบบี้มายด์ จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดสบู่เหลวเด็กได้ไม่ยากนัก เพราะปัจจุบันเบบี้มายด์มี 2 สูตร เมื่อเทียบกับจอห์นสันฯผู้นำตลาดมี 4 สูตร อีกทั้งสองสูตรซึ่งเป็นเซกเมนต์เดียวกัน เบบี้มายด์ยังมีส่วนแบ่งที่มากกว่า โดยเบบี้ มายด์ อัลตร้ามี 13.1% ส่วนจอห์นสัน ทอป ทู โทน 6.9% เบบี้ มายด์ ดับเบิ้ล มิ้ลค์ โปรตีน บาธ 15.4% ขณะที่จอห์นสัน มิ้ลค์ บาธ 14.5%”
แนวโน้มตลาดสบู่เหลวเด็กมูลค่า 300 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดสบู่เหลวรวม 1,500 ล้านบาท ช่วงครึ่งปีแรกอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 35% และคาดว่าสิ้นปีนี้มูลค่าตลาดจะขยับเพิ่มขึ้น 320 ล้านบาท
สำหรับรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์เบบี้มายด์ปีนี้ ตั้งเป้าเติบโต 20% หรือมีรายได้ 1,000 ล้านบาท ประกอบด้วย กลุ่มซักล้าง เป็นกลุ่มสินค้าเรือธงหลัก ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนปรับราคาสินค้าในกลุ่มเบบี้ มายด์ ซึ่งต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น 15% ขณะที่สบู่ก้อนเป็นกลุ่มที่ต้องแบกรับต้นทุนมากสุด คือ 20% และเป็นกลุ่มเดียวที่บริษัทมีแผนจะปรับราคาขึ้น