ไทยนครพัฒนาเปิดเกมรุกต่างประเทศ รับมือเอฟทีเอ และอาฟต้า เล็งบุกหนักเอเซีย ยุโรป ทั้งขายเองและตั้งเอเย่นต์ ระบุมาร์จิ้นต่างประเทศดีกว่าไทย แต่ติดปัญหาด้านการขึ้นทะเบียนที่ต้องศึกษาให้รอบคอบ เป้าใน 5 ปี สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 40% จากปัจจุบัน 20%
นายสุภชัย วีระภุชงค์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาเช่น ทิฟฟี่ เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปต่างประเทศมากขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายตลาดภายในประเทศ เพื่อเป็นการรองรับกับการเปิดเสรีทางการค้าทั้งเอฟทีเอ อาฟต้า ซึ่งจะมีผลทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงในอนาคต การทำธุรกิจจากนี้ไปจะมองแค่ตลาดในประเทศอย่างเดียวไม่ได้อีกแล้ว
ทั้งนี้การขยายฐานในต่างประเทศจะมีทั้งการลงทุนต่างๆและการส่งผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในต่างประเทศ เพื่อเป็นการสร้างยอดขายและสร้างศักยภาพให้บริษัทมากขึ้นในภาวะที่การแข่งขันของธุรกิจยาในประเทศรุนแรง ขณะที่ตลาดต่างประเทศยังกว้างและมีโอกาสมากกว่าโดยเฉพาะการรุกตลาดเอเซีย แอฟริกา ยุโรปมากขึ้น ซึ่งราคาจำหน่ายยาในต่างประเทศจะสูงกว่าที่ขายในไทยทำให้รายได้และมาร์จิ้นมีมากกว่าด้วยเช่น ราคาจำหน่ายในประเทศตะวันออกกลางสูงกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับในไทย
อย่างไรก็ตามการทำตลาดในต่างประเทศนั้นนอกจากจะมีปัญหาด้านภาษีทางการค้าแล้ว ยังมีปัญหาที่สำคัญคือเรื่องของ การขึ้นทะเบียนยา ที่จะใช้เวลานานและมาตรฐานที่ต่างกัน เช่น บางประเทศเช่นในตะวันออกกลาง ก่อนที่จะนำยาเข้าไปขายได้นั้นจะต้องขึ้นทะเบียนในประเทศในยุโรปก่อนอย่างน้อย 3 ประเทศจึงจะเข้าไปขายได้ หรือบางประเทศเช่นจีน จะกีดกันอย่างมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ยาที่จีนสามารถผลิตเองได้โอกาสที่ยาจากต่างประเทศจะเข้าไปทำตลาดแทบจะไม่มีเลย ดังนั้นการเข้าไปทำในตลาดต่างประเทศจึงต้องทำการศึกษารายละเอียดและใช้เวลาเล็กน้อย แต่ในระยะยาวแล้วหากสามารถเข้าไปวางรากฐานการตลาดได้จะเป็นผลดีต่อธุรกิจ
สำหรับตลาดต่างประเทศที่ทางบริษัทฯเข้าไปทำตลาดแล้วด้วยการส่งผลิตภัณฑ์ยาไปจำหน่างเองเช่น กัมพูชา เวียดนาม ลาว ส่วนตลาดที่ใช้วิธีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเช่น อินโดนีเซีย
ทั้งนี้บริษัทได้วางเป้าหมายไว้ว่าภายใน 5 ปีนับจากนี้ จะพยายามผลักดันส่วนแบ่งรายได้ให้มาจาก ตลาดในประเทศ 40% จากรายได้รวมทั้งหมด ส่วนอีก 60% จะเป็นรายได้ที่มาจากในประเทศ จากปัจจุบันที่สัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศเพียง 20% เท่านั้นน และในประเทศ 80%
สำหรับตลาดในประเทศนั้นจะเน้นหนักการให้ความรู้เรื่องยาและสุขภาพแก่ผู้บริโภคกับร้านค้าจำหน่ายมากขึ้น อีกทั้งจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มของเวชสำอาง แบรนด์ พริมเนเชอรัล ซึ่งเป็นแบรนด์ที่บริษัทร่วมพัฒนากับทางญี่ปุ่นและเปิดตัวสู่ตลาดมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว แต่ยังทำตลาดไม่เต็มที่เพราะอยู่ในช่วงสร้างแบรนด์และเพิ่งมีสินค้าไม่มากนัก เช่น โฟม ไวตามิน ไนท์ครีมเดย์ครีม โดยสินค้าผลิตในประเทศไทย แต่หลังจากนี้จะทยอยวางตลาดสินค้าใหม่ๆออกมาต่อเนื่อง โดยผ่านช่องทางการจำหน่าย เช่น ร้านขายยาทั่วไป ร้านวัตสัน ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เกต เทสโก้โลตัสเอ็กซเพรส เป็นต้น
เขากล่าวถึงกรณีของการรับสัมปทานบริการพื้นที่ค้าปลีกของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่สถานีรถไฟหัวลำโพงด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาต่อสัญญาจากทางเจ้าของพื้นที่ หลังจากได้รับสัมปทานบริหารมาครบ 6 ปีแล้ว โดยที่ผ่านมาได้ลงทุนไปประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อทำการปรับปรุงพื้นที่และงานระบบใหม่หมด เช่น การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ การตกแต่งโครงสร้างบางส่วน โดยมีพื้นที่เชิงพาณิชย์เท่าเดิม
ส่วนโครงการสถานีโทรทัศน์ที่ร่วมทุนกับทางกลุ่มกันตนาในกัมพูชานั้นก็ยังดำเนินธุรกิจปรกติ ซึ่งขณะนี้มีสถานีย่อยแล้วประมาณ 4 แหงเช่น เสียมราฐ กะแจะ สีหนุวิลล์ กันดาส ซึ่งยังมีการลงทุนต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากประชาชนดีพอสมควร
นายสุภชัย วีระภุชงค์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาเช่น ทิฟฟี่ เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปต่างประเทศมากขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายตลาดภายในประเทศ เพื่อเป็นการรองรับกับการเปิดเสรีทางการค้าทั้งเอฟทีเอ อาฟต้า ซึ่งจะมีผลทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงในอนาคต การทำธุรกิจจากนี้ไปจะมองแค่ตลาดในประเทศอย่างเดียวไม่ได้อีกแล้ว
ทั้งนี้การขยายฐานในต่างประเทศจะมีทั้งการลงทุนต่างๆและการส่งผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในต่างประเทศ เพื่อเป็นการสร้างยอดขายและสร้างศักยภาพให้บริษัทมากขึ้นในภาวะที่การแข่งขันของธุรกิจยาในประเทศรุนแรง ขณะที่ตลาดต่างประเทศยังกว้างและมีโอกาสมากกว่าโดยเฉพาะการรุกตลาดเอเซีย แอฟริกา ยุโรปมากขึ้น ซึ่งราคาจำหน่ายยาในต่างประเทศจะสูงกว่าที่ขายในไทยทำให้รายได้และมาร์จิ้นมีมากกว่าด้วยเช่น ราคาจำหน่ายในประเทศตะวันออกกลางสูงกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับในไทย
อย่างไรก็ตามการทำตลาดในต่างประเทศนั้นนอกจากจะมีปัญหาด้านภาษีทางการค้าแล้ว ยังมีปัญหาที่สำคัญคือเรื่องของ การขึ้นทะเบียนยา ที่จะใช้เวลานานและมาตรฐานที่ต่างกัน เช่น บางประเทศเช่นในตะวันออกกลาง ก่อนที่จะนำยาเข้าไปขายได้นั้นจะต้องขึ้นทะเบียนในประเทศในยุโรปก่อนอย่างน้อย 3 ประเทศจึงจะเข้าไปขายได้ หรือบางประเทศเช่นจีน จะกีดกันอย่างมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ยาที่จีนสามารถผลิตเองได้โอกาสที่ยาจากต่างประเทศจะเข้าไปทำตลาดแทบจะไม่มีเลย ดังนั้นการเข้าไปทำในตลาดต่างประเทศจึงต้องทำการศึกษารายละเอียดและใช้เวลาเล็กน้อย แต่ในระยะยาวแล้วหากสามารถเข้าไปวางรากฐานการตลาดได้จะเป็นผลดีต่อธุรกิจ
สำหรับตลาดต่างประเทศที่ทางบริษัทฯเข้าไปทำตลาดแล้วด้วยการส่งผลิตภัณฑ์ยาไปจำหน่างเองเช่น กัมพูชา เวียดนาม ลาว ส่วนตลาดที่ใช้วิธีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเช่น อินโดนีเซีย
ทั้งนี้บริษัทได้วางเป้าหมายไว้ว่าภายใน 5 ปีนับจากนี้ จะพยายามผลักดันส่วนแบ่งรายได้ให้มาจาก ตลาดในประเทศ 40% จากรายได้รวมทั้งหมด ส่วนอีก 60% จะเป็นรายได้ที่มาจากในประเทศ จากปัจจุบันที่สัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศเพียง 20% เท่านั้นน และในประเทศ 80%
สำหรับตลาดในประเทศนั้นจะเน้นหนักการให้ความรู้เรื่องยาและสุขภาพแก่ผู้บริโภคกับร้านค้าจำหน่ายมากขึ้น อีกทั้งจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มของเวชสำอาง แบรนด์ พริมเนเชอรัล ซึ่งเป็นแบรนด์ที่บริษัทร่วมพัฒนากับทางญี่ปุ่นและเปิดตัวสู่ตลาดมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว แต่ยังทำตลาดไม่เต็มที่เพราะอยู่ในช่วงสร้างแบรนด์และเพิ่งมีสินค้าไม่มากนัก เช่น โฟม ไวตามิน ไนท์ครีมเดย์ครีม โดยสินค้าผลิตในประเทศไทย แต่หลังจากนี้จะทยอยวางตลาดสินค้าใหม่ๆออกมาต่อเนื่อง โดยผ่านช่องทางการจำหน่าย เช่น ร้านขายยาทั่วไป ร้านวัตสัน ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เกต เทสโก้โลตัสเอ็กซเพรส เป็นต้น
เขากล่าวถึงกรณีของการรับสัมปทานบริการพื้นที่ค้าปลีกของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่สถานีรถไฟหัวลำโพงด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาต่อสัญญาจากทางเจ้าของพื้นที่ หลังจากได้รับสัมปทานบริหารมาครบ 6 ปีแล้ว โดยที่ผ่านมาได้ลงทุนไปประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อทำการปรับปรุงพื้นที่และงานระบบใหม่หมด เช่น การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ การตกแต่งโครงสร้างบางส่วน โดยมีพื้นที่เชิงพาณิชย์เท่าเดิม
ส่วนโครงการสถานีโทรทัศน์ที่ร่วมทุนกับทางกลุ่มกันตนาในกัมพูชานั้นก็ยังดำเนินธุรกิจปรกติ ซึ่งขณะนี้มีสถานีย่อยแล้วประมาณ 4 แหงเช่น เสียมราฐ กะแจะ สีหนุวิลล์ กันดาส ซึ่งยังมีการลงทุนต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากประชาชนดีพอสมควร