1 ปีเศษที่มีการเปิดให้มีการซื้อขาย สินค้าเกษตรของตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (ต.ส.ล.) โดยสัญญาซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้น 3 ได้รับความสนใจสูงสุด และมีความผันผวนมากที่สุด จากจำนวนสินค้าทั้งหมด 3 ชนิด
นายชัยพัฒน์ สหัสกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.) ให้สัมภาษณ์ "ผู้จัดการ
รายวัน" ถึงการที่ตลาสดสินค้าเกษตรล่วงหน้าฯ ได้เปิดซื้อขายถึงวันนี้ผ่านมา 1 ปีนับจากวันที่ 28 พ.ค. 47 ว่า ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าฯ ยังคงต้องเดินหน้าและมีการพัฒนากันต่อไป ซึ่งหน้าที่หลักของ ก.ส.ล. คือ การกำกับดูแลให้เกิดความเป็นธรรม ขณะเดียวกันการพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าฯ ซึ่งเป็นพันธกิจหลักของ ก.ส.ล. ซึ่งเรื่องสภาพคล่องของตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าฯ เป็นเรื่องหลักที่ต้องพัฒนา
หากมองย้อนกลับไปในแง่ปริมาณการซื้อขายของ ต.ส.ล.จากวันแรกที่มีการซื้อขายเพียง 44 สัญญา ณ วันนี้มีการซื้อขาย
เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า 6 เท่า โดยบางวันมีการซื้อขายถึง 300-400 สัญญาต่อวัน นับว่าระยะเวลาหนึ่งเป็นหนึ่งปีที่มีการเพิ่มขึ้นที่น่าสนใจและดี หลังจากนี้เชื่อว่าปริมาณการซื้อขายของ ตสล.มีโอกาสขึ้นไปถึง 1,000 สัญญาได้
"ประเทศที่มีตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้ามาก่อนประเทศไทย ส่วนใหญ่จะใช้เวลา 3 ปีในการพัฒนาตลาดฯให้เป็นที่รู้จักและ
ได้รับความสนใจได้ในการลงทุน ซึ่งขณะนี้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทยเปิดมาแล้ว 1 ปี ยังเหลือเวลา 2 ปี ในการพัฒนา และหากตลาดมีการซื้อขายต่อวันถึง 1,000 สัญญา การจะเพิ่มเป็น 2,000-3,000 สัญญา ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว"
นายชัยพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าที่มีการซื้อขายใน ต.ส.ล.มี 3 ชนิด คือ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ซึ่งเป็นสินค้าตัวแรก, ข้าวขาวสาร 5% และแป้งมันสำปะหลังประเภทสตาร์ช ชั้นพิเศษ และมองว่าไม่จำเป็นต้องมีสินค้าในจำนวนประเภทมากในขณะนี้ก็ได้ ซึ่งในตลาดต่างประเทศ อย่างเช่น มาเลเซียก็มีสินค้าน้ำมันปาล์มดิบล่วงหน้าเป็นสินค้าเพียงตัวเดียว แต่ปริมาณการซื้อขายต่อวันกว่าสูงมาก โดยมีถึง 10,000 สัญญา
แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการเพิ่มสินค้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทยจะเป็นการเพิ่มในลักษณะของประเภทสินเค้า
มากกว่า อาทิ ข้าวหอมมะลิ หลังจากที่มีข้าวขาว 5% และอาจจะมีน้ำยางดิบ หลังจากที่มีแผ่นยางรมควันชั้น 3 แล้ว
สินค้าที่มีการซื้อขายมากสุดในขณะนี้ คือ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 โดยมีการซื้อขายล่วงหน้าสูงสุด เนื่องจากเมืองไทยมีผู้ที่มี
ความรู้การลงทุนในตลาดล่วงหน้าต่างประเทศโดยเฉพาะเรื่องยางมาแล้ว รวมทั้งเกษตรกรของไทยที่มีความรู้ในเรื่องยางก็เข้ามาซื้อ
ขายใน ต.ส.ล. และเกษตรกรที่มีฐานะส่วนใหญ่มีประสบการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ แต่อย่างไรก็ดี ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ก็เป็น
สินค้าที่มีความผันผวนสูงที่สุดด้วย
"ส่วนการส่งมอบสินค้าจริงปกติตลาดล่วงหน้าทั่วโลกมักไม่ค่อยเกิดขึ้น ซึ่งตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทยในช่วง 1 ปี
ที่ผ่านมา พบว่ามีการส่งมอบสินค้าไม่ถึง 1% ซึ่งถือว่าน้อยมาก"
นายชัยพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับจำนวนโบรกเกอร์หรือผู้ทำหน้าที่เป็นนายหน้าในการซื้อขายของ ต.ส.ล.ขณะนี้ยังคงไม่เพิ่มจำนวน แม้ว่า ก.ส.ล.จะมีการเปิดรับสมาชิกใหม่อยู่ก็ตาม เนื่องจากโบรกเกอร์ที่เป็นนายหน้าซื้อขายหุ้น หรือ บริษัทหลักทรัพย์ หลายแห่งที่แสดงความสนใจจะสมัครเป็นโบรกเกอร์ใน ต.ส.ล. มีความต้องการที่จะเป็นสมาชิก หรือ โบรกเกอร์ กับตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่เชื่อมโยงกับตลาดหุ้น ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน โดยยังมีความสนใจขอเป็นโบรกเกอร์ใน ต.ส.ล. อยู่
สำหรับการเปิดตลาดอนุพันธ์ของไทยที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้นั้น มองว่าน่าจะช่วยส่งเสริมให้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าให้เป็นที่รู้จักของนักลงทุนไทยมากยิ่งขึ้น เพราะในแง่ของการลงทุนมีลักษณะใกล้เคียงกัน เพียงแต่ TFEX อ้างอิงสินค้าในตลาดหุ้น หรือ เกี่ยวโยงกับดัชนีตลาดหุ้นไทย ดังนั้นในแง่ความสัมพันธ์ใกล้ชดจะมีความใกล้เคียงกับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากกว่า
" แต่ในแง่ความเข้าใจหรือการเรียนรู้แล้วลักษณะของการซื้อขายสินค้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า กับ ตลาดอนุพันธ์หรือ
TFEX นั้นเหมือนกัน ถ้าเปรียบเป็นรถยนต์ ก็เหมือนกับเป็นรถคนละยี่ห้อ ซึ่งแล้วแต่ว่านักลงทุนจะชอบรถยนต์ยี่ห้อไหนเท่านั้นเอง เชื่อว่าตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าจะได้ประโยชน์มีการเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากความเข้าใจของคนเพิ่มมากขึ้น จากการให้ความรู้ของ TFEX ที่ขณะนี้กำลังรุกอย่างหนักเพื่อให้ความรู้กับนักลงทุน "
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ในส่วนของโบรกเกอร์ของ ต.ส.ล.ขณะนี้เริ่มจะเตรียมขยายออกไปสู่ต่างจังหวัด โดยเริ่มจะมีการเตรียมขอเปิดสาขาในต่างจังหวัด ซึ่งเท่าที่ได้รับทราบมา มีโบรกเกอร์บางรายจะไปเปิดสาขาโบรกเกอร์ที่จังหวัดพิษณุโลก และ ที่จังหวัดสงขลา อำเภอหาดใหญ่ นับเป็นการขยายสาขาครั้งแรกของโบรกเกอร์ในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ทั้งนี้ทางคณะกรรมการ ก.ส.ล.คงไม่ปิดกั้นการเปิดสาขาต่างจังหวัดของโบรกเกอร์
ส่วนการจัดเก็บค่าคอมมิชชั่น โบรกเกอร์ ซึ่ง ก.ส.ล. กำหนดช่วง 0.1-0.25% แต่ปัจจุบันบรรดาโบรกเกอร์คิดในอัตรา
0.15% ซึ่งถือว่าอยู่ในกรอบที่ ก.ส.ล.กำหนด โดยขณะนี้คาดว่าจะยังไม่มีการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น เนื่องจากตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้ายังเป็นเรื่องใหม่สำหรับเมืองไทย จึงต้องการให้ระบบการจัดการในระบบลงตัวเสียก่อน
นายชัยพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนทิศทางตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทยในปีนี้ จะยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธาน ก.ส.ล. เตรียมให้การสนับสนุน โดยจะนำข้าวเปลือกของเกษตรกร ที่หลุดการรับจำนำของกระทรวงพาณิชย์มาสีเป็นข้าสาร โดยจะให้นำมาซื้อขายล่วงหน้าที่ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า
"ปกติจะเปิดให้ประมูลข้าวเปลือกที่หลุดจำนำ แต่ต่อไปอาจจะนำมาบางส่วนให้มีการบิดกันในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า"
ทิศทางต่อไปจะเชื่อว่า ต.ส.ล.จะยังคงเป็นสถานที่ที่เกษตรกรหรือผู้ประกอบการสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดฯ
สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการตกต่ำของราคาสินค้าเกษตรได้
นายชัยพัฒน์ สหัสกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.) ให้สัมภาษณ์ "ผู้จัดการ
รายวัน" ถึงการที่ตลาสดสินค้าเกษตรล่วงหน้าฯ ได้เปิดซื้อขายถึงวันนี้ผ่านมา 1 ปีนับจากวันที่ 28 พ.ค. 47 ว่า ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าฯ ยังคงต้องเดินหน้าและมีการพัฒนากันต่อไป ซึ่งหน้าที่หลักของ ก.ส.ล. คือ การกำกับดูแลให้เกิดความเป็นธรรม ขณะเดียวกันการพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าฯ ซึ่งเป็นพันธกิจหลักของ ก.ส.ล. ซึ่งเรื่องสภาพคล่องของตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าฯ เป็นเรื่องหลักที่ต้องพัฒนา
หากมองย้อนกลับไปในแง่ปริมาณการซื้อขายของ ต.ส.ล.จากวันแรกที่มีการซื้อขายเพียง 44 สัญญา ณ วันนี้มีการซื้อขาย
เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า 6 เท่า โดยบางวันมีการซื้อขายถึง 300-400 สัญญาต่อวัน นับว่าระยะเวลาหนึ่งเป็นหนึ่งปีที่มีการเพิ่มขึ้นที่น่าสนใจและดี หลังจากนี้เชื่อว่าปริมาณการซื้อขายของ ตสล.มีโอกาสขึ้นไปถึง 1,000 สัญญาได้
"ประเทศที่มีตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้ามาก่อนประเทศไทย ส่วนใหญ่จะใช้เวลา 3 ปีในการพัฒนาตลาดฯให้เป็นที่รู้จักและ
ได้รับความสนใจได้ในการลงทุน ซึ่งขณะนี้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทยเปิดมาแล้ว 1 ปี ยังเหลือเวลา 2 ปี ในการพัฒนา และหากตลาดมีการซื้อขายต่อวันถึง 1,000 สัญญา การจะเพิ่มเป็น 2,000-3,000 สัญญา ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว"
นายชัยพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าที่มีการซื้อขายใน ต.ส.ล.มี 3 ชนิด คือ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ซึ่งเป็นสินค้าตัวแรก, ข้าวขาวสาร 5% และแป้งมันสำปะหลังประเภทสตาร์ช ชั้นพิเศษ และมองว่าไม่จำเป็นต้องมีสินค้าในจำนวนประเภทมากในขณะนี้ก็ได้ ซึ่งในตลาดต่างประเทศ อย่างเช่น มาเลเซียก็มีสินค้าน้ำมันปาล์มดิบล่วงหน้าเป็นสินค้าเพียงตัวเดียว แต่ปริมาณการซื้อขายต่อวันกว่าสูงมาก โดยมีถึง 10,000 สัญญา
แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการเพิ่มสินค้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทยจะเป็นการเพิ่มในลักษณะของประเภทสินเค้า
มากกว่า อาทิ ข้าวหอมมะลิ หลังจากที่มีข้าวขาว 5% และอาจจะมีน้ำยางดิบ หลังจากที่มีแผ่นยางรมควันชั้น 3 แล้ว
สินค้าที่มีการซื้อขายมากสุดในขณะนี้ คือ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 โดยมีการซื้อขายล่วงหน้าสูงสุด เนื่องจากเมืองไทยมีผู้ที่มี
ความรู้การลงทุนในตลาดล่วงหน้าต่างประเทศโดยเฉพาะเรื่องยางมาแล้ว รวมทั้งเกษตรกรของไทยที่มีความรู้ในเรื่องยางก็เข้ามาซื้อ
ขายใน ต.ส.ล. และเกษตรกรที่มีฐานะส่วนใหญ่มีประสบการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ แต่อย่างไรก็ดี ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ก็เป็น
สินค้าที่มีความผันผวนสูงที่สุดด้วย
"ส่วนการส่งมอบสินค้าจริงปกติตลาดล่วงหน้าทั่วโลกมักไม่ค่อยเกิดขึ้น ซึ่งตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทยในช่วง 1 ปี
ที่ผ่านมา พบว่ามีการส่งมอบสินค้าไม่ถึง 1% ซึ่งถือว่าน้อยมาก"
นายชัยพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับจำนวนโบรกเกอร์หรือผู้ทำหน้าที่เป็นนายหน้าในการซื้อขายของ ต.ส.ล.ขณะนี้ยังคงไม่เพิ่มจำนวน แม้ว่า ก.ส.ล.จะมีการเปิดรับสมาชิกใหม่อยู่ก็ตาม เนื่องจากโบรกเกอร์ที่เป็นนายหน้าซื้อขายหุ้น หรือ บริษัทหลักทรัพย์ หลายแห่งที่แสดงความสนใจจะสมัครเป็นโบรกเกอร์ใน ต.ส.ล. มีความต้องการที่จะเป็นสมาชิก หรือ โบรกเกอร์ กับตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่เชื่อมโยงกับตลาดหุ้น ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน โดยยังมีความสนใจขอเป็นโบรกเกอร์ใน ต.ส.ล. อยู่
สำหรับการเปิดตลาดอนุพันธ์ของไทยที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้นั้น มองว่าน่าจะช่วยส่งเสริมให้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าให้เป็นที่รู้จักของนักลงทุนไทยมากยิ่งขึ้น เพราะในแง่ของการลงทุนมีลักษณะใกล้เคียงกัน เพียงแต่ TFEX อ้างอิงสินค้าในตลาดหุ้น หรือ เกี่ยวโยงกับดัชนีตลาดหุ้นไทย ดังนั้นในแง่ความสัมพันธ์ใกล้ชดจะมีความใกล้เคียงกับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากกว่า
" แต่ในแง่ความเข้าใจหรือการเรียนรู้แล้วลักษณะของการซื้อขายสินค้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า กับ ตลาดอนุพันธ์หรือ
TFEX นั้นเหมือนกัน ถ้าเปรียบเป็นรถยนต์ ก็เหมือนกับเป็นรถคนละยี่ห้อ ซึ่งแล้วแต่ว่านักลงทุนจะชอบรถยนต์ยี่ห้อไหนเท่านั้นเอง เชื่อว่าตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าจะได้ประโยชน์มีการเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากความเข้าใจของคนเพิ่มมากขึ้น จากการให้ความรู้ของ TFEX ที่ขณะนี้กำลังรุกอย่างหนักเพื่อให้ความรู้กับนักลงทุน "
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ในส่วนของโบรกเกอร์ของ ต.ส.ล.ขณะนี้เริ่มจะเตรียมขยายออกไปสู่ต่างจังหวัด โดยเริ่มจะมีการเตรียมขอเปิดสาขาในต่างจังหวัด ซึ่งเท่าที่ได้รับทราบมา มีโบรกเกอร์บางรายจะไปเปิดสาขาโบรกเกอร์ที่จังหวัดพิษณุโลก และ ที่จังหวัดสงขลา อำเภอหาดใหญ่ นับเป็นการขยายสาขาครั้งแรกของโบรกเกอร์ในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ทั้งนี้ทางคณะกรรมการ ก.ส.ล.คงไม่ปิดกั้นการเปิดสาขาต่างจังหวัดของโบรกเกอร์
ส่วนการจัดเก็บค่าคอมมิชชั่น โบรกเกอร์ ซึ่ง ก.ส.ล. กำหนดช่วง 0.1-0.25% แต่ปัจจุบันบรรดาโบรกเกอร์คิดในอัตรา
0.15% ซึ่งถือว่าอยู่ในกรอบที่ ก.ส.ล.กำหนด โดยขณะนี้คาดว่าจะยังไม่มีการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น เนื่องจากตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้ายังเป็นเรื่องใหม่สำหรับเมืองไทย จึงต้องการให้ระบบการจัดการในระบบลงตัวเสียก่อน
นายชัยพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนทิศทางตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทยในปีนี้ จะยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธาน ก.ส.ล. เตรียมให้การสนับสนุน โดยจะนำข้าวเปลือกของเกษตรกร ที่หลุดการรับจำนำของกระทรวงพาณิชย์มาสีเป็นข้าสาร โดยจะให้นำมาซื้อขายล่วงหน้าที่ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า
"ปกติจะเปิดให้ประมูลข้าวเปลือกที่หลุดจำนำ แต่ต่อไปอาจจะนำมาบางส่วนให้มีการบิดกันในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า"
ทิศทางต่อไปจะเชื่อว่า ต.ส.ล.จะยังคงเป็นสถานที่ที่เกษตรกรหรือผู้ประกอบการสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดฯ
สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการตกต่ำของราคาสินค้าเกษตรได้