ลีโอ เบอร์เนทท์คาดภาพรวมธุรกิจโฆษณาทั้งปีโต 8-10% ชี้นโยบายของภาครัฐมีส่วนสำคัญต่อธุรกิจ เชื่อลูกค้าหันมาใช้เม็ดเงินโฆษณาอย่างคุ้มค่า พร้อมมองช่องทางสื่อแบบรอบทิศทาง เช่น มือถือ และสื่อกลางแจ้งที่มีบทบาทมากขึ้น ล่าสุดจัดงานชิงทำนายผลงานโฆษณาก่อนที่งานคานส์ อวอร์ดจะปะทุขึ้นในวันที่ 19-25 มิ.ย. นี้
นางสาวอ่อนอุษา ลำเลียงพล กรรมการผู้จัดการ ลีโอ เบอร์เนทท์ เปิดเผยว่า จากปัจจัยลบต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งสึนามิ,น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจโฆษณาในช่วงไตรมาสแรกโตไม่มาก คือ 1.6% ส่วนแนวโน้มในช่วงไตรมาส3 และ 4 คาดการณ์ว่าตลาดรวมธุรกิจโฆษณาจะดีขึ้นและโตประมาณ 8-10% แต่ก็ต้องขึ้นกับนโยบายและการบริหารงานของทางภาครัฐด้วย เพราะหากทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นก็สามารถเรียกความมั่นใจของผู้บริโภคกลับมาได้ ในส่วนของลูกค้าลูกค้าคาดว่าจะมีการใช้เม็ดเงินโฆษณาอย่างระมัดระวังและใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ เลือกสื่อสารแบรนด์ผ่านทางมือถือ,ทางเว็บไซต์ ,การใช้สื่อโฆษณากลางแจ้งจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เป็นต้น รวมถึงการใช้กลยุทธ์ซีอาร์เอ็มจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในสินค้าหลายชนิด เช่นธุรกิจมือถือ และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
ล่าสุดบริษัทฯได้จัดงาน “ลีโอ เบอร์เนทท์ คานส์ พรีดิกชั่น 2005” ขึ้น ในวันที่ 8มิ.ย. 48 ซึ่งปีนี้นับเป็นครั้งที่10 โดยวัตถุประสงค์ในการจัดงานเพื่อให้ความรู้และเปิดมุมมองใหม่ๆจากการชมภาพยนตร์โฆษณาจากทั่วโลก ซึ่งบรรยากาศในงานจะให้ผู้ที่อยู่ในวงการโฆษณา ,นักศึกษาและคนทั่วไปร่วมชมโฆษณาที่คัดสรรมาประมาณ 50 เรื่อง และเปิดโอกาสให้ทำนายผลภาพยนตร์โฆษณาที่คาดว่าจะได้รับรางวัลคานส์อวอร์ดที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 19-25 มิถุนายนนี้
นอกจากนี้บริษัทฯยังร่วมกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์นำเสนอรายชื่อตัวแทนไทยในการเข้าประกวดงานคานส์ ยัง ครีเอทีพ อวอร์ด ซึ่งคนไทยได้รับการเสนอชื่อ 2 คน ได้แก่ นายวิธวัช พรหมฮวด อาร์ทไดเรคเตอร์ จากโอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ไทยแลนด์ และนางสาวเกศสุดายิ้มเจริญ ก็อปปี้ ไรซ์เตอร์ จากเอสซี แม็ทช์บ็อก กรุงเทพฯ ขณะที่คณะกรรมการตัดสินคนไทยที่จะเดินทางไปร่วมงานคานส์ฯ มี 2 คน ได้แก่ นายนิกรม กูลโฆษะ เอ็กซ์เซ็กคลูทีฟ ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ จากบีบีดีโอ กรุงเทพฯ และนายสหรัฐ สวัสดิ์อธิคม แมเนจเมนท์ พาร์ทเนอร์-ครีเอทีฟ จากโอกิลวี่วัน เวิลด์ไวด์ กรุงเทพฯ
สำหรับปีนี้ไทยส่งผลงานเข้าประกวดในเวทีคานส์ อวอร์ดจำนวน 348 ผลงาน แบ่งเป็นสื่อโฆษณาประเภทไซเบอร์ 3 ผลงาน, ภาพยนตร์โฆษณา 75 ผลงาน ,สื่อโฆษณาประเภทไดเรค17 ผลงาน , สื่อโฆษณาแฝง 4 ผลงาน และสื่อโฆษณาสิ่งพิมพ์และสื่อโฆษณากลางแจ้ง 249ผลงาน
ทั้งนี้ ในส่วนของภาพยนตร์โฆษณาของไทยในปัจจุบันถือว่าติดอันดับ 1 ใน 3ของเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากมีโปรดักส์ชั่นเฮ้าท์ดีและคนไทยมีความคิดสร้างสรรค์ ขณะที่อีก 2 ประเทศที่เป็นคู่แข่งที่สำคัยของไทย ได้แก่ อินเดียและจีน
นางสาวอ่อนอุษา ลำเลียงพล กรรมการผู้จัดการ ลีโอ เบอร์เนทท์ เปิดเผยว่า จากปัจจัยลบต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งสึนามิ,น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจโฆษณาในช่วงไตรมาสแรกโตไม่มาก คือ 1.6% ส่วนแนวโน้มในช่วงไตรมาส3 และ 4 คาดการณ์ว่าตลาดรวมธุรกิจโฆษณาจะดีขึ้นและโตประมาณ 8-10% แต่ก็ต้องขึ้นกับนโยบายและการบริหารงานของทางภาครัฐด้วย เพราะหากทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นก็สามารถเรียกความมั่นใจของผู้บริโภคกลับมาได้ ในส่วนของลูกค้าลูกค้าคาดว่าจะมีการใช้เม็ดเงินโฆษณาอย่างระมัดระวังและใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ เลือกสื่อสารแบรนด์ผ่านทางมือถือ,ทางเว็บไซต์ ,การใช้สื่อโฆษณากลางแจ้งจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เป็นต้น รวมถึงการใช้กลยุทธ์ซีอาร์เอ็มจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในสินค้าหลายชนิด เช่นธุรกิจมือถือ และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
ล่าสุดบริษัทฯได้จัดงาน “ลีโอ เบอร์เนทท์ คานส์ พรีดิกชั่น 2005” ขึ้น ในวันที่ 8มิ.ย. 48 ซึ่งปีนี้นับเป็นครั้งที่10 โดยวัตถุประสงค์ในการจัดงานเพื่อให้ความรู้และเปิดมุมมองใหม่ๆจากการชมภาพยนตร์โฆษณาจากทั่วโลก ซึ่งบรรยากาศในงานจะให้ผู้ที่อยู่ในวงการโฆษณา ,นักศึกษาและคนทั่วไปร่วมชมโฆษณาที่คัดสรรมาประมาณ 50 เรื่อง และเปิดโอกาสให้ทำนายผลภาพยนตร์โฆษณาที่คาดว่าจะได้รับรางวัลคานส์อวอร์ดที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 19-25 มิถุนายนนี้
นอกจากนี้บริษัทฯยังร่วมกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์นำเสนอรายชื่อตัวแทนไทยในการเข้าประกวดงานคานส์ ยัง ครีเอทีพ อวอร์ด ซึ่งคนไทยได้รับการเสนอชื่อ 2 คน ได้แก่ นายวิธวัช พรหมฮวด อาร์ทไดเรคเตอร์ จากโอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ไทยแลนด์ และนางสาวเกศสุดายิ้มเจริญ ก็อปปี้ ไรซ์เตอร์ จากเอสซี แม็ทช์บ็อก กรุงเทพฯ ขณะที่คณะกรรมการตัดสินคนไทยที่จะเดินทางไปร่วมงานคานส์ฯ มี 2 คน ได้แก่ นายนิกรม กูลโฆษะ เอ็กซ์เซ็กคลูทีฟ ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ จากบีบีดีโอ กรุงเทพฯ และนายสหรัฐ สวัสดิ์อธิคม แมเนจเมนท์ พาร์ทเนอร์-ครีเอทีฟ จากโอกิลวี่วัน เวิลด์ไวด์ กรุงเทพฯ
สำหรับปีนี้ไทยส่งผลงานเข้าประกวดในเวทีคานส์ อวอร์ดจำนวน 348 ผลงาน แบ่งเป็นสื่อโฆษณาประเภทไซเบอร์ 3 ผลงาน, ภาพยนตร์โฆษณา 75 ผลงาน ,สื่อโฆษณาประเภทไดเรค17 ผลงาน , สื่อโฆษณาแฝง 4 ผลงาน และสื่อโฆษณาสิ่งพิมพ์และสื่อโฆษณากลางแจ้ง 249ผลงาน
ทั้งนี้ ในส่วนของภาพยนตร์โฆษณาของไทยในปัจจุบันถือว่าติดอันดับ 1 ใน 3ของเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากมีโปรดักส์ชั่นเฮ้าท์ดีและคนไทยมีความคิดสร้างสรรค์ ขณะที่อีก 2 ประเทศที่เป็นคู่แข่งที่สำคัยของไทย ได้แก่ อินเดียและจีน