ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างแก้ไขการดำเนินงาน(รีแฮบโก้) ต่างเร่งจัดทำแผนและแก้ไขผลการดำเนินงานให้ได้ตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลท.มีนโยบายอย่างชัดเจนที่จะบริษัทเหล่านี้ กลับเข้าไปซื้อขายหุ้นได้ตามปกติอย่างโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้มีหลายบริษัทที่เตรียมเดินเข้ามาเทรด เช่น บริษัท เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่คาดว่าภายในเดือนก.ค.นี้จะดำเนินการได้ รวมถึงบริษัท วินโคสท์ อันดัสเตรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ WIN ที่วางแผนจะเข้าซื้อขายภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มทุนตระกูล "วงศ์สวัสดิ์" กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ถือหุ้นรวม 62.41% ประกอบด้วย น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ 22.27%, น.ส.ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ 20.25% และนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ 19.89%
นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินโคสท์ ฯเปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้เข้าซื้อกิจการบริษัท เคพโทรนิค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เมื่อประมาณกลางปี 2547 ที่แล้ว และมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามา ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจากเดิมที่ธุรกิจหลักจะมาจากรับจ้างประกอบรถโกคาร์ท และจักรยานให้กับกลุ่ม บริษัท แอล เอ ไบซิเคิ้ล (ประเทศไทย) เพียงอย่างเดียว ได้ปรับแผนมาบุกสู่ธุรกิจการให้เช่าและขายพื้นที่ในเขตปลอดภาษี (Free Zone) ปัจจุบันมีเพียงนิคมอุตสาหกรรมวินโคสท์ บนพื้นที่ 65 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด กม.51.7 สามารถปล่อยเช่าได้กว่า 80% ซึ่งลูกค้าคู่สัญญาจะเป็นผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนตร์รายใหญ่ 3 บริษัท และเต็มพื้นที่ประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้
เหตุผลที่ยอดจองเกือบเต็มที่พื้นที่ เนื่องจากลูกค้าเล็งเห็นการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี(FTA)ที่ประเทศไทยมีกับคู่สัญญา เช่น ธุรกิจนำเข้าชิ้นส่วนและประกอบเป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก และหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับโลจิตส์ติก เช่น การบริหารคลังสินค้า เป็นต้น
"เรามองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ จากเดิมที่รับจ้างประกอบชิ้นส่วนรถจักรยานและรถโกคาร์ท ซึ่งกระบวนการดังกล่าวได้เริ่มปลายไตรมาสสุดท้ายของปี 2547 แต่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 48 บริษัทได้หันมาเพิ่มธุรกิจใหม่ คือ ขายหรือให้เช่าพื้นที่ในเขตปลอดอากร และคาดว่าจะยิ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในแนวทางของการพัฒนาธุรกิจใหม่ ผู้ถือหุ้นใหม่ คือกลุ่มตระกูลวงศ์สวัสดิ์ สนใจทำนิคม Free Zone เนื่องจากความต้องการในธุรกิจนี้มีเยอะ และเป็นธุรกิจที่มีบทบาทต่อประเทศสูง อีกทั้งในระยะอันใกล้นี้ประเทศไทยจะเปิดการค้าเสรี ทำให้ธุรกิจนี้จะมีการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมถึงผู้ถือหุ้นให้คำแนะนำในการรวบรวมทีมมาบริหารธุรกิจ ทั้งนี้คาดว่าปลายเดือนมิ.ย.นี้ทางกรมศุลกากรจะอนุมัติเป็นนิคมเขตปลอดอากร "นายภัทรลาภกล่าว
สาเหตุที่ทำให้นิคมอุตสาหกรรมวินโคสท์มีความพร้อม เนื่องจากทรัพย์สินเดิมที่ในนิคมจะมีอาคาร โรงงาน เดิมที่ใช้ผลิตจอภาพ LCDs ตั้งอยู่มาปรับปรุง ซึ่งธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)ได้สนับสนุนสินเชื่อประมาณ 100 ล้านบาท และผลจากการปรับเปลี่ยนแนวทางธุรกิจ ทำให้ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากในไตรมาสแรกของปี48 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 20.29 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 6.68 ล้านบาท
นายภัทรลาภกล่าวถึงทิศทางในอนาคตของบริษัทว่า อยู่ระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารบริษัทได้เดินไปตามทิศทางที่ผู้ถือหุ้นได้วางเป้าหมายไว้ โดยจะแบ่งเป็นการทำแผนทางการเงิน การลงทุนในโครงการใหม่ๆในแต่ละทำเลที่จะเข้าไป ซึ่งอาจจะเป็นในส่วนที่อยู่ในพื้นที่เขตปลอดภาษี หรือนอกเหนือเขตปลอดภาษี แต่จะวางกลยุทธ์ที่จะลงทุนทำพื้นที่นิคมเขตปลอดอากรภายใน 3 ปีให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย และหลังจากนั้นในอีก 5 ปีข้างหน้าจะรุกสู่ตลาดต่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย
"เราต้องการผลักดันให้บริษัทกลายเป็นผู้นำในธุรกิจการให้บริการด้านลอจิสติกส์ ซึ่งจะมีบริการด้านศุลกากรสนับสนุนธุรกิจการขายและให้เช่าพื้นที่ในเขตปลอดอากร อย่างไรก็ตามแผนธุรกิจหลักจะชัดเจนภายในไตรมาส 3 ซึ่งจะเป็นช่วงจังหวะที่คาดว่าหุ้นของบริษัทจะกลับเข้าไปซื้อขายได้อีกครั้ง สำหรับราคาหุ้นคงไม่สามารถระบุได้ เพียงแต่ช่วงที่หยุดการซื้อขายก่อนหน้านี้ราคาอยู่ที่ 2.6 สตางค์ ในราคาพาร์ 10 บาท แต่ปัจจุบันได้ลดราคาหุ้นเหลือ พาร์ 1 บาท "
นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินโคสท์ ฯเปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้เข้าซื้อกิจการบริษัท เคพโทรนิค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เมื่อประมาณกลางปี 2547 ที่แล้ว และมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามา ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจากเดิมที่ธุรกิจหลักจะมาจากรับจ้างประกอบรถโกคาร์ท และจักรยานให้กับกลุ่ม บริษัท แอล เอ ไบซิเคิ้ล (ประเทศไทย) เพียงอย่างเดียว ได้ปรับแผนมาบุกสู่ธุรกิจการให้เช่าและขายพื้นที่ในเขตปลอดภาษี (Free Zone) ปัจจุบันมีเพียงนิคมอุตสาหกรรมวินโคสท์ บนพื้นที่ 65 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด กม.51.7 สามารถปล่อยเช่าได้กว่า 80% ซึ่งลูกค้าคู่สัญญาจะเป็นผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนตร์รายใหญ่ 3 บริษัท และเต็มพื้นที่ประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้
เหตุผลที่ยอดจองเกือบเต็มที่พื้นที่ เนื่องจากลูกค้าเล็งเห็นการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี(FTA)ที่ประเทศไทยมีกับคู่สัญญา เช่น ธุรกิจนำเข้าชิ้นส่วนและประกอบเป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก และหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับโลจิตส์ติก เช่น การบริหารคลังสินค้า เป็นต้น
"เรามองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ จากเดิมที่รับจ้างประกอบชิ้นส่วนรถจักรยานและรถโกคาร์ท ซึ่งกระบวนการดังกล่าวได้เริ่มปลายไตรมาสสุดท้ายของปี 2547 แต่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 48 บริษัทได้หันมาเพิ่มธุรกิจใหม่ คือ ขายหรือให้เช่าพื้นที่ในเขตปลอดอากร และคาดว่าจะยิ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในแนวทางของการพัฒนาธุรกิจใหม่ ผู้ถือหุ้นใหม่ คือกลุ่มตระกูลวงศ์สวัสดิ์ สนใจทำนิคม Free Zone เนื่องจากความต้องการในธุรกิจนี้มีเยอะ และเป็นธุรกิจที่มีบทบาทต่อประเทศสูง อีกทั้งในระยะอันใกล้นี้ประเทศไทยจะเปิดการค้าเสรี ทำให้ธุรกิจนี้จะมีการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมถึงผู้ถือหุ้นให้คำแนะนำในการรวบรวมทีมมาบริหารธุรกิจ ทั้งนี้คาดว่าปลายเดือนมิ.ย.นี้ทางกรมศุลกากรจะอนุมัติเป็นนิคมเขตปลอดอากร "นายภัทรลาภกล่าว
สาเหตุที่ทำให้นิคมอุตสาหกรรมวินโคสท์มีความพร้อม เนื่องจากทรัพย์สินเดิมที่ในนิคมจะมีอาคาร โรงงาน เดิมที่ใช้ผลิตจอภาพ LCDs ตั้งอยู่มาปรับปรุง ซึ่งธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)ได้สนับสนุนสินเชื่อประมาณ 100 ล้านบาท และผลจากการปรับเปลี่ยนแนวทางธุรกิจ ทำให้ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากในไตรมาสแรกของปี48 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 20.29 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 6.68 ล้านบาท
นายภัทรลาภกล่าวถึงทิศทางในอนาคตของบริษัทว่า อยู่ระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารบริษัทได้เดินไปตามทิศทางที่ผู้ถือหุ้นได้วางเป้าหมายไว้ โดยจะแบ่งเป็นการทำแผนทางการเงิน การลงทุนในโครงการใหม่ๆในแต่ละทำเลที่จะเข้าไป ซึ่งอาจจะเป็นในส่วนที่อยู่ในพื้นที่เขตปลอดภาษี หรือนอกเหนือเขตปลอดภาษี แต่จะวางกลยุทธ์ที่จะลงทุนทำพื้นที่นิคมเขตปลอดอากรภายใน 3 ปีให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย และหลังจากนั้นในอีก 5 ปีข้างหน้าจะรุกสู่ตลาดต่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย
"เราต้องการผลักดันให้บริษัทกลายเป็นผู้นำในธุรกิจการให้บริการด้านลอจิสติกส์ ซึ่งจะมีบริการด้านศุลกากรสนับสนุนธุรกิจการขายและให้เช่าพื้นที่ในเขตปลอดอากร อย่างไรก็ตามแผนธุรกิจหลักจะชัดเจนภายในไตรมาส 3 ซึ่งจะเป็นช่วงจังหวะที่คาดว่าหุ้นของบริษัทจะกลับเข้าไปซื้อขายได้อีกครั้ง สำหรับราคาหุ้นคงไม่สามารถระบุได้ เพียงแต่ช่วงที่หยุดการซื้อขายก่อนหน้านี้ราคาอยู่ที่ 2.6 สตางค์ ในราคาพาร์ 10 บาท แต่ปัจจุบันได้ลดราคาหุ้นเหลือ พาร์ 1 บาท "