ตลาดข้าวอบกรอบหรือไรซ์ แครกเกอร์หืดขึ้นคอ เผยภาพรวมยอดขายปีที่แล้วติดลบ หลังโดนกระแสชาเขียวดูดมาร์เกตแชร์ไป โดโซะเดินหน้าไม่หยุดนิ่งเตรียมกระตุ้นตลาดด้วยการเปิดตัวรสชาติใหม่ ด้านชินมัยฮึดสู้ เตรียมตั้งทีมงานและปรับแพกเกจจิ้งใหม่แข่ง
ตลาดสแน็กหรือขนมขบเคี้ยวในปี 2547 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตกว่า 4% และมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยเกือบทุกเซ็กเมนต์ของขนมสแน็กมีอัตราการเติบโตด้วยกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น 3 กลุ่มหลัก อย่างขนมขึ้นรูปที่โต 8.78% มันฝรั่งทอดโต 3.50% และปลาเส้นโต 11.66% เป็นต้น แต่มีขนม 2 กลุ่มที่สวนกระแสไม่ยอมโตตามกลุ่มอื่น แถมยังติดลบพ่วงท้ายมาอีกด้วย ซึ่งกลุ่มดังกล่าวที่ว่านี้คือ ขนมข้าวอบกรอบหรือไรซ์ แครกเกอร์ ที่ติดลบ 9.48% และมีส่วนแบ่งทางการตลาด 7% จากตลาดรวม หรือมีมูลค่ารวมกว่า 700 ล้านบาท ส่วนปลาหมึกปีที่ผ่านมาก็ติดลบ 3.17% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 4%
สำหรับตลาดขนมอบกรอบหรือไรซ์ แครกเกอร์ ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการหลักๆ อยู่เพียงไม่กี่ราย โดยผู้นำตลาด คือโดโซะ ของค่ายเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ซึ่งปีที่ผ่านมาโหมทำการตลาดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา โดยมีนักร้องและนักแสดงอย่าง “ก้อง สหรัถ สังคปรีชา” เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ รวมถึงการจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าโดโซะ เป็นต้น
นายปฐพงศ์ เอี่ยมสุโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวอบกรอบ “โดโซะ” เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ถึงภาพรวมไรซ์ แครกเกอร์ในปีที่แล้วที่ติดลบว่า ส่วนหนึ่งมาจากตลาดข้าวอบกรอบมีคู่แข่งไม่มากนัก การแข่งขันจึงไม่สนุกและไม่ตื่นเต้นเท่าที่ควร ซึ่งปีที่แล้วจะเห็นได้ว่าโดโซะจะทำการตลาดอยู่ฝ่ายเดียว ขณะที่คู่แข่งเงียบไม่ค่อยทำตลาด ประกอบกับกลุ่มอื่นเช่น เครื่องดื่มชาเขียว มีการทำตลาดมากขึ้นและแย่งมาร์เกตแชร์ขนมไรซ์ แครกเกอร์ไป แต่ช่วงปลายปีที่แล้วตลาดข้าวอบกรอบกลับมากระเตื้องขึ้นจากการเข้ามาของรายใหม่อย่าง “โอเซ่น” จากค่ายอายิโนะโมะโต๊ะ ส่วนสถานการณ์ของไรซ์ แครกเกอร์ในปี 2548 นี้คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้วจากการกระตุ้นตลาดของโดโซะ
สำหรับภาพรวมโดโซะในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ นายปฐพงศ์เผยว่า ยอดขายของโดโซะโตใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากช่วง 3 เดือนแรกเป็นเทศกาลขายและช่วงต้นปีก็มีหลายเทศกาลไม่ว่าจะเป็นปีใหม่และล่าสุดสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านไป ขณะที่ระหว่างปีโดยเฉพาะช่วงหน้าฝนยอดขายข้าวอบกรอบจะลดลง
แผนการทำตลาดในปีนี้ของโดโซะตั้งงบทางการตลาดไว้ที่ 10-15% ของยอดขายบริษัทเบอร์ลี่ฯ โดยยังคงใช้พรีเซ็นเตอร์คนเดิมคือ ก้อง-สหรัถ ประกอบกับเตรียมกระตุ้นตลาดไรซ์ แครกเกอร์ด้วยการทำคอนซูเมอร์ โปรโมชันและการออกรสใหม่ๆ อยู่เสมอ จากปัจจุบันที่โดโซะมีอยู่ 3 รสชาติได้แก่ ออริจินัล,ท๊อปปิ้ง รสสวีทชิลลี่ และท๊อปปิ้ง รสสาหร่าย ที่เพิ่งวางขายเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่ยอดรายได้ของโดโซะคาดว่าจะโตขึ้น 25% จากยอดขายรวมทั้งหมด
ชินมัยตั้งทีมใหม่-ปรับแพกเกจ
ขณะที่คู่ต่อกรตลาดข้าวอบกรอบอย่าง “ชินมัย” ปีที่แล้วกลับดูเงียบลงไปอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ตลาดรวมของขนมข้าวอบกรอบไม่โตตามไปด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะชินมัยมีการวางกลยุทธ์ที่ผิดพลาด โดยได้มีการปรับราคาขนมชินมัยขึ้น 20% เนื่องจากเดิมทีในตลาดมีชินมัยอยู่เพียงรายเดียว จึงสามารถกำหนดและขายสินค้าได้ในราคาที่ถูก แต่หลังจากที่ชินมัยได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดและลูกค้า จึงทำให้ตลาดมีคู่แข่งเข้ามาเล่นกันมากขึ้น และมีการตั้งราคาขนมไว้สูงกว่าจนทำให้ชินมัยต้องมีการปรับราคาขึ้นตามไปด้วย แต่ในปีนี้ชินมัยเตรียมปรับราคาให้เหมาะสมและถูกทิศทางมากขึ้น
แหล่งข่าวจากบริษัท นำเชา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวอบกรอบแบรนด์ “ชินมัย” เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน”ว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ตลาดรวมของข้าวอบกรอบไม่โต เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในไทย แต่หวังว่าภาพรวมทั้งปีตลาดจะโตได้ 10% จากการทำตลาดของรายเดิมและรายใหม่ที่เข้ามา ซึ่งในปัจจุบันการแข่งขันของขนมสแนกแข่งขันสูง แต่ละบริษัทต้องพึ่งอินโนเวชัน
ในส่วนของชินมัยเองปีนี้เตรียมตั้งทีมทำการตลาดใหม่ และมีแผนจะปรับแพกเกจจิ้งให้ดูทันสมัยขึ้น รวมถึงการปรับราคาขนมให้เหมาะสมกับการแข่งขันในตลาด อาจจะมีการลดราคาขนมลงในบางช่วง ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับความรุนแรงของตลาดด้วยว่าเป็นอย่างไร ปัจจุบันชินมัยมี 4 รส ได้แก่ ต้นตำรับ,ไก่ย่าง,ผัดฉ่า และรสกุ้งกระเทียมพริกไทย
ตลาดสแน็กหรือขนมขบเคี้ยวในปี 2547 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตกว่า 4% และมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยเกือบทุกเซ็กเมนต์ของขนมสแน็กมีอัตราการเติบโตด้วยกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น 3 กลุ่มหลัก อย่างขนมขึ้นรูปที่โต 8.78% มันฝรั่งทอดโต 3.50% และปลาเส้นโต 11.66% เป็นต้น แต่มีขนม 2 กลุ่มที่สวนกระแสไม่ยอมโตตามกลุ่มอื่น แถมยังติดลบพ่วงท้ายมาอีกด้วย ซึ่งกลุ่มดังกล่าวที่ว่านี้คือ ขนมข้าวอบกรอบหรือไรซ์ แครกเกอร์ ที่ติดลบ 9.48% และมีส่วนแบ่งทางการตลาด 7% จากตลาดรวม หรือมีมูลค่ารวมกว่า 700 ล้านบาท ส่วนปลาหมึกปีที่ผ่านมาก็ติดลบ 3.17% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 4%
สำหรับตลาดขนมอบกรอบหรือไรซ์ แครกเกอร์ ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการหลักๆ อยู่เพียงไม่กี่ราย โดยผู้นำตลาด คือโดโซะ ของค่ายเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ซึ่งปีที่ผ่านมาโหมทำการตลาดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา โดยมีนักร้องและนักแสดงอย่าง “ก้อง สหรัถ สังคปรีชา” เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ รวมถึงการจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าโดโซะ เป็นต้น
นายปฐพงศ์ เอี่ยมสุโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวอบกรอบ “โดโซะ” เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ถึงภาพรวมไรซ์ แครกเกอร์ในปีที่แล้วที่ติดลบว่า ส่วนหนึ่งมาจากตลาดข้าวอบกรอบมีคู่แข่งไม่มากนัก การแข่งขันจึงไม่สนุกและไม่ตื่นเต้นเท่าที่ควร ซึ่งปีที่แล้วจะเห็นได้ว่าโดโซะจะทำการตลาดอยู่ฝ่ายเดียว ขณะที่คู่แข่งเงียบไม่ค่อยทำตลาด ประกอบกับกลุ่มอื่นเช่น เครื่องดื่มชาเขียว มีการทำตลาดมากขึ้นและแย่งมาร์เกตแชร์ขนมไรซ์ แครกเกอร์ไป แต่ช่วงปลายปีที่แล้วตลาดข้าวอบกรอบกลับมากระเตื้องขึ้นจากการเข้ามาของรายใหม่อย่าง “โอเซ่น” จากค่ายอายิโนะโมะโต๊ะ ส่วนสถานการณ์ของไรซ์ แครกเกอร์ในปี 2548 นี้คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้วจากการกระตุ้นตลาดของโดโซะ
สำหรับภาพรวมโดโซะในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ นายปฐพงศ์เผยว่า ยอดขายของโดโซะโตใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากช่วง 3 เดือนแรกเป็นเทศกาลขายและช่วงต้นปีก็มีหลายเทศกาลไม่ว่าจะเป็นปีใหม่และล่าสุดสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านไป ขณะที่ระหว่างปีโดยเฉพาะช่วงหน้าฝนยอดขายข้าวอบกรอบจะลดลง
แผนการทำตลาดในปีนี้ของโดโซะตั้งงบทางการตลาดไว้ที่ 10-15% ของยอดขายบริษัทเบอร์ลี่ฯ โดยยังคงใช้พรีเซ็นเตอร์คนเดิมคือ ก้อง-สหรัถ ประกอบกับเตรียมกระตุ้นตลาดไรซ์ แครกเกอร์ด้วยการทำคอนซูเมอร์ โปรโมชันและการออกรสใหม่ๆ อยู่เสมอ จากปัจจุบันที่โดโซะมีอยู่ 3 รสชาติได้แก่ ออริจินัล,ท๊อปปิ้ง รสสวีทชิลลี่ และท๊อปปิ้ง รสสาหร่าย ที่เพิ่งวางขายเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่ยอดรายได้ของโดโซะคาดว่าจะโตขึ้น 25% จากยอดขายรวมทั้งหมด
ชินมัยตั้งทีมใหม่-ปรับแพกเกจ
ขณะที่คู่ต่อกรตลาดข้าวอบกรอบอย่าง “ชินมัย” ปีที่แล้วกลับดูเงียบลงไปอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ตลาดรวมของขนมข้าวอบกรอบไม่โตตามไปด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะชินมัยมีการวางกลยุทธ์ที่ผิดพลาด โดยได้มีการปรับราคาขนมชินมัยขึ้น 20% เนื่องจากเดิมทีในตลาดมีชินมัยอยู่เพียงรายเดียว จึงสามารถกำหนดและขายสินค้าได้ในราคาที่ถูก แต่หลังจากที่ชินมัยได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดและลูกค้า จึงทำให้ตลาดมีคู่แข่งเข้ามาเล่นกันมากขึ้น และมีการตั้งราคาขนมไว้สูงกว่าจนทำให้ชินมัยต้องมีการปรับราคาขึ้นตามไปด้วย แต่ในปีนี้ชินมัยเตรียมปรับราคาให้เหมาะสมและถูกทิศทางมากขึ้น
แหล่งข่าวจากบริษัท นำเชา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวอบกรอบแบรนด์ “ชินมัย” เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน”ว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ตลาดรวมของข้าวอบกรอบไม่โต เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในไทย แต่หวังว่าภาพรวมทั้งปีตลาดจะโตได้ 10% จากการทำตลาดของรายเดิมและรายใหม่ที่เข้ามา ซึ่งในปัจจุบันการแข่งขันของขนมสแนกแข่งขันสูง แต่ละบริษัทต้องพึ่งอินโนเวชัน
ในส่วนของชินมัยเองปีนี้เตรียมตั้งทีมทำการตลาดใหม่ และมีแผนจะปรับแพกเกจจิ้งให้ดูทันสมัยขึ้น รวมถึงการปรับราคาขนมให้เหมาะสมกับการแข่งขันในตลาด อาจจะมีการลดราคาขนมลงในบางช่วง ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับความรุนแรงของตลาดด้วยว่าเป็นอย่างไร ปัจจุบันชินมัยมี 4 รส ได้แก่ ต้นตำรับ,ไก่ย่าง,ผัดฉ่า และรสกุ้งกระเทียมพริกไทย