รอยเตอร์/เอเอฟพี - แอร์บัส ผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ฝั่งยุโรปออกมายอมรับแล้วเมื่อวันพุธ (1) ว่า การส่งมอบเครื่องบิน A380 ให้กับลูกค้าอาจล่าช้าออกไปถึง 6 เดือน เนื่องจากปัญหาด้านการผลิต
คำยืนยันจากแอร์บัสครั้งนี้สะท้อนถึงปัญหามากมายที่เกิดขึ้นกับผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้ ในขณะที่ต้องเผชิญกับสงครามการค้ากับคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่างโบอิ้ง
ทั้งนี้การเปิดเผยถึงความล่าช้าดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังการทดสอบบินครั้งแรกของเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกรุ่นนี้ ส่งผลให้บรรดาลูกค้าสายการบินต่างๆ ออกมาแสดงความไม่พอใจ และสายการบินอย่างน้อย 1 แห่งประกาศว่าจะเรียกร้องค่าชดเชย
สายการบินนั้นได้แก่ แควนตัส แอร์เวย์ส ซึ่งจะได้รับเครื่องบิน 12 ลำแรกล่าช้าออกไปจนถึงเดือนเมษายน 2007 เปิดเผยว่า แควนตัสมีแผนเรียกค่าชดเชยจากแอร์บัส
พร้อมกันนี้สายการบินเอมิเรตส์ ลูกค้ารายใหญ่สุดของแอร์บัสด้วยคำสั่งซื้อเครื่องบินจำนวน 43 ลำรวมมูลค่ากว่า 12,000 ล้านดอลลาร์ และแอร์ ฟรานซ์ สายการบินเมืองน้ำหอมซึ่งมีคำสั่งซื้อจำนวน 10 ลำและมีกำหนดส่งมอบในเดือนเมษายน 2007 ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน
ด้านสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส (เอสไอเอ) ลูกค้ารายแรกสุดของเครื่องบิน A380 ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการด้วยเครื่องบินรุ่นดังกล่าวเป็นสายการบินแรกของโลก ถูกเลื่อนกำหนดการส่งมอบออกไปจนถึงไตรมาส 4 ปี 2006 จากกำหนดเดิมกลางปีหน้า อนึ่งเอสไอเอมีคำสั่งซื้อจำนวน 10 ลำ และได้รับสิทธิในการซื้อเครื่องบินได้อีก 15 ลำ
ทั้งนี้เอสไอเอเผยวานนี้ (2) ว่า จะเปิดการเจรจากับแอร์บัสในเรื่องความล่าช้าดังกล่าว แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอื่นแต่อย่างใด เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายมีข้อผูกมัดระหว่างกันตามเงื่อนไขลับในสัญญา
แถลงการณ์ดังกล่าวจากเอสไอเอเกิดขึ้นท่ามกลางรายงานจากสื่อท้องถิ่นในแดนลอดช่องว่า สายการบินรายนี้อาจเรียกค่าชดเชยจากแอร์บัสสำหรับความล่าช้าที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ด้านโฆษกของแอร์บัสกล่าวว่า "ความล่าช้านี้จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหมายเลขรหัสเครื่องบิน แต่สูงสุดคือ 6 เดือน ทว่าปัญหานี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้อบกพร่องร้ายแรงใดๆ ที่พบระหว่างการทดสอบบิน"
เจ้าหน้าที่อาวุโสผู้หนึ่งของสายการบินที่สั่งซื้อเครื่องบิน A380 เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ปัญหานี้ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากความล่าช้าของกระบวนการซัปพลายอุปกรณ์ภายในเครื่องบิน
อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าแอร์บัสจะต้องจ่ายเงินชดเชยในกรณีดังกล่าวเป็นจำนวนเท่าใด แต่เสริมว่า ค่าปรับนี้ได้ถูกคิดรวมไปกับต้นทุนการผลิต ซึ่งแอร์บัสได้ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ที่ 1,450 ล้านดอลลาร์แล้ว ทว่าความล่าช้าดังกล่าวอาจส่งผลต่อรายได้จากการปฏิบัติงานของแอร์บัสในปี 2006
คำยืนยันจากแอร์บัสครั้งนี้สะท้อนถึงปัญหามากมายที่เกิดขึ้นกับผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้ ในขณะที่ต้องเผชิญกับสงครามการค้ากับคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่างโบอิ้ง
ทั้งนี้การเปิดเผยถึงความล่าช้าดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังการทดสอบบินครั้งแรกของเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกรุ่นนี้ ส่งผลให้บรรดาลูกค้าสายการบินต่างๆ ออกมาแสดงความไม่พอใจ และสายการบินอย่างน้อย 1 แห่งประกาศว่าจะเรียกร้องค่าชดเชย
สายการบินนั้นได้แก่ แควนตัส แอร์เวย์ส ซึ่งจะได้รับเครื่องบิน 12 ลำแรกล่าช้าออกไปจนถึงเดือนเมษายน 2007 เปิดเผยว่า แควนตัสมีแผนเรียกค่าชดเชยจากแอร์บัส
พร้อมกันนี้สายการบินเอมิเรตส์ ลูกค้ารายใหญ่สุดของแอร์บัสด้วยคำสั่งซื้อเครื่องบินจำนวน 43 ลำรวมมูลค่ากว่า 12,000 ล้านดอลลาร์ และแอร์ ฟรานซ์ สายการบินเมืองน้ำหอมซึ่งมีคำสั่งซื้อจำนวน 10 ลำและมีกำหนดส่งมอบในเดือนเมษายน 2007 ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน
ด้านสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส (เอสไอเอ) ลูกค้ารายแรกสุดของเครื่องบิน A380 ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการด้วยเครื่องบินรุ่นดังกล่าวเป็นสายการบินแรกของโลก ถูกเลื่อนกำหนดการส่งมอบออกไปจนถึงไตรมาส 4 ปี 2006 จากกำหนดเดิมกลางปีหน้า อนึ่งเอสไอเอมีคำสั่งซื้อจำนวน 10 ลำ และได้รับสิทธิในการซื้อเครื่องบินได้อีก 15 ลำ
ทั้งนี้เอสไอเอเผยวานนี้ (2) ว่า จะเปิดการเจรจากับแอร์บัสในเรื่องความล่าช้าดังกล่าว แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอื่นแต่อย่างใด เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายมีข้อผูกมัดระหว่างกันตามเงื่อนไขลับในสัญญา
แถลงการณ์ดังกล่าวจากเอสไอเอเกิดขึ้นท่ามกลางรายงานจากสื่อท้องถิ่นในแดนลอดช่องว่า สายการบินรายนี้อาจเรียกค่าชดเชยจากแอร์บัสสำหรับความล่าช้าที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ด้านโฆษกของแอร์บัสกล่าวว่า "ความล่าช้านี้จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหมายเลขรหัสเครื่องบิน แต่สูงสุดคือ 6 เดือน ทว่าปัญหานี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้อบกพร่องร้ายแรงใดๆ ที่พบระหว่างการทดสอบบิน"
เจ้าหน้าที่อาวุโสผู้หนึ่งของสายการบินที่สั่งซื้อเครื่องบิน A380 เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ปัญหานี้ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากความล่าช้าของกระบวนการซัปพลายอุปกรณ์ภายในเครื่องบิน
อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าแอร์บัสจะต้องจ่ายเงินชดเชยในกรณีดังกล่าวเป็นจำนวนเท่าใด แต่เสริมว่า ค่าปรับนี้ได้ถูกคิดรวมไปกับต้นทุนการผลิต ซึ่งแอร์บัสได้ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ที่ 1,450 ล้านดอลลาร์แล้ว ทว่าความล่าช้าดังกล่าวอาจส่งผลต่อรายได้จากการปฏิบัติงานของแอร์บัสในปี 2006