ซี.วี.เอส. ดึงนางงามดีกรีรองอันดับ 3 จากเม็กซิโก “Miss Laura Elizondo”ร่วมโปรโมตเบียร์โคโรน่ารุกตลาด สร้างความสัมพันธ์สถานบันเทิงผับ บาร์กลางกรุง หวังผลพลอยได้ช่วยปลุกกระแสการรับรู้ตราสินค้า พ่วงขยายฐานเจาะลูกค้าไทยเพิ่ม สิ้นปีโต 25% กวาดรายได้รวม 550 ล้านบาท
นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บริษัท ซี.วี.เอส ซินดิเคท จำกัด ผู้นำเข้าเบียร์โคโรน่า, มิลเลอร์ และ โฮเซ่ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้นำนางงามเม็กซิโก Miss Laura Elizondo ซึ่งได้รับตำแหน่งรองอันดับ 3 จากการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2005 มาร่วมงาน “Miss Mexico In Thailand To Promote The Corona Beer Extra” หรือเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์เบียร์โคโรน่า ร่วมกิจกรรมและสร้างความสัมพันธ์กับคู่ค้าในประเทศไทย ในระหว่างวันที่1-3 มิถุนายน 2548 โดยล่าสุดการร่วมโปรโมตเบียร์โคโรน่าและพบคู่ค้าที่ร้านอาหารและผับ เช่น โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ ,คิว บาร์ ,ฮาร์ด ร็อก คาเฟ่ สาขากรุงเทพ ฯลฯ เป็นต้น
สำหรับการนำนางงามเม็กซิโก หรือรองอันดับ 3 “Miss Laura Elizondo” มาร่วมโปรโมตเบียร์โคโรน่า เป้าหมายสำคัญเพื่อสร้างการรับรู้ตราสินค้าในวงกว้างมากขึ้น และขณะเดียวกันก็เพื่อขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนไทยเพิ่มขึ้น จากฐานลูกค้าของเบียร์โคโรน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ 70% และคนไทย 30% ซึ่งเป้าหมายในปีนี้บริษัทต้องการขยายฐานกลุ่มลูกค้าคนไทยเพิ่มเป็น 35% และต่างประเทศเหลือ 65% โดยปีนี้บริษัทใช้งบการตลาดสำหรับเบียร์โคโรน่า 10 ล้านบาท จากงบรวมกลุ่มเบียร์ ประกอบด้วย มิลเลอร์ และโฮเซ่ทั้งหมด 12 ล้านบาท
“การดึงนางงามจากเม็กซิโก จะช่วยทำให้การรับรู้ตราสินค้าเบียร์โคโรน่าดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับตราสินค้า รวมทั้งกระตุ้นกระแสของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี เพราะจากการประกวดมิสยูนิเวิร์สในครั้งนี้คนไทยตื่นตัวและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันตลาดเบียร์นำเข้าบรรจุภัณฑ์ขวดมูลค่า 170 ล้านบาท โคโรน่ามียอดขายนำเข้าถึง 50% ”
นายจุตินันท์ กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทไม่ได้มีการปรับแผนการทำตลาดแต่อย่างใด แม้ว่าภาครัฐจะปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล ส่งผลให้กำลังการซื้อของคนไทยลดลง และมีโอกาสที่คนจะซื้อเบียร์ราคาถูกลงมาดื่มก็ตาม แต่เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของเบียร์โคโรน่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ อีกทั้งยังมีความภักดีต่อตราสินค้าสูง ทำให้ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมายอดขายของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ มีอัตราการเติบโต 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปีที่ผ่านมา
ผลประกอบการปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโต 25% หรือมีรายได้ 550 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากกลุ่มเบียร์125 ล้านบาท ประกอบด้วย เบียร์โคโรน่า 70% มิลเลอร์15% และโฮเซ่ 15% และรายได้อีก 425 ล้านบาทมาจากการที่บริษัทรับเป็นลอจิสติกส์ให้กับบริษัทบุญรอด บริวเวอรี่
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ถือว่าการเติบโตปีนี้น้อยกว่าที่แล้วซึ่งโตได้ถึง 26% ทั้งนี้เป็นเพราะผลพวงจากการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลง โดยในเดือนมกราคม จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเหลือ 9% เดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 30% และในเดือนมีนาคมเพิ่มเป็น 40% และหลังจากเหตุการณ์วางระเบิดหาดใหญ่ลดลงเหลือ 15%